‘ไวรัสโคโรน่า’ ป่วนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วเอเชีย

‘ไวรัสโคโรน่า’ ป่วนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วเอเชีย

“ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่” ที่กระตุ้นให้เกิดการคุมเข้มการเดินทางทั่วประเทศจีนนั้น กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเอเชีย รวมถึงไทย ซึ่งพึ่งพาตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ

จนถึงวันนี้ (27 ม.ค.) ไวรัสดังกล่าวคร่าชีวิตผู้ป่วยอย่างน้อย 81 คนนับตั้งแต่เริ่มแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ทางตอนกลางของจีนเมื่อช่วงสิ้นปีที่แล้ว และมีประชาชนหลายล้านคนถูกกักตัวในเขตกักกันโรค ขณะที่ทุกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากอู่ฮั่นล้วนระงับให้บริการ และรัฐบาลยังสั่งห้ามบริษัทกรุ๊ปทัวร์ดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

แคปิตอล อีโคโนมิกส์ บริษัทวิจัยชื่อดัง รายงานว่า มาตรการเหล่านี้มีขึ้นในช่วงที่ชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้นเกือบ 10 เท่านับตั้งแต่ปี 2546

อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจในแหล่งท่องเที่ยวที่พึ่งพากองทัพนักท่องเที่ยวจีนต่างรู้สึกถึงผลกระทบของมาตรการคุมเข้มการเดินทางของจีน พร้อมเสียงบ่นว่าชายหาดและร้านค้าต่าง ๆ ร้างผู้คน และเกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตข้างหน้า

การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในขณะนี้ส่งผลรุนแรงไม่ต่างกับช่วงวิกฤติโรคซาร์สระบาดตั้งแต่ปลายปี 2545 ถึงปี 2546 ซึ่งทำให้การเดินทางในภูมิภาคชะงักงันและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น ในครั้งนั้น ชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศลดลงเกือบ 1 ใน 3 ในเวลานั้น

"หากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงในระดับใกล้เคียงกับช่วงซาร์สระบาดอีก บรรดาประเทศที่เสี่ยงที่สุด (พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก) อาจได้รับผลกระทบ 1.5-2.0% ของจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ)" รายงานของแคปิตัล อีโคโนมิกส์ชี้

ในญี่ปุ่น จำนวนผู้มาเยือนชาวจีนที่ลดลงปรากฏได้ส่งผลกระทบแล้วต่อวัดอาซากุสะ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงโตเกียว

“เราฟันธงได้เลยว่าปีนี้คนจะมาเที่ยวน้อยลง” โยชิเอะ โยเนะยามะ วัย 31 ปี ผู้จัดการร้านขายขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและเครื่องดื่มเหล้าหมักที่เรียกว่าอามะซาเกะ เผย “ฉันคิดว่าอาจจะไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตัวเลขในปีที่แล้ว หรือปีก่อนหน้า”

ในปี 2561 จำนวนชาวจีนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นพุ่งพรวดเป็น 8.4 ล้านคนจากประมาณ 4.5 แสนคนในปี 2546 คิดเป็นสัดส่วนถึง 27% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

158012469546

ยูกิ ทากาชิมะ นักวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระ ซีเคียวริตีส์ คาดการณ์ว่า จะเป็นเรื่อง “ยากมาก” สำหรับญี่ปุ่นที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ถึงเป้าหมาย 40 ล้านคนในปีนี้

ทากาชิมะบอกด้วยว่า ผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงจะไม่ได้เกิดแค่กับโรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่จะลุกลามถึงร้านค้าปลีกด้วย เพราะชาวจีนนิยมซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง และของใช้เบ็ดเตล็ดในญี่ปุ่น

สตีเฟน อินเนส นักกลยุทธ์การตลาดของบริษัทแอกซีคอร์ป กล่าวว่า ญี่ปุ่นน่าจะต้านทานผลกระทบได้ดีกว่าไทยที่พึ่งพาการท่องเที่ยวถึง 18% ของจีดีพี เฉพาะชาวจีนครองสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

โคลด เดอ คริสซีย์ ชาวต่างชาติซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมขนาด 40 ห้องในภูเก็ต เผยว่า ช่วง 2 วันมานี้ ภูเก็ตเงียบเหงาราวกับเกาะร้าง เพราะพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนมากเป็นพิเศษ

ด้านออสเตรเลียที่กำลังเดือดร้อนจากไฟป่าน่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน ชาวจีนไปเยือนเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 6 ปีจนเดือนกลางปีที่แล้ว และครองสัดส่วน 15% นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม มาริโอ ฮาร์ดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ว่าวิกฤติไวรัสจะยืดเยื้อนานแค่ไหน เบื้องต้นคาดไว้ที่ 3-6 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า