ชาวฮ่องกงรวมกลุ่มผลิต 'หน้ากากอนามัย' สู้วิกฤติ 'โควิด-19'
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โรคโควิด-19) เครื่องป้องกันและอุปกรณ์ทางการแพทย์กลายเป็นสิ่งสำคัญและมีราคาแพงขึ้นมาทันที โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ที่ไม่ใช่แต่ไทยประเทศเดียวที่มีการขายหน้ากากอนามัยโก่งราคา หรือขายในราคาแพงเกินจริง
หลายประเทศก็เจอปัญหาเดียวกับไทย เช่นในฮ่องกง ล่าสุด ชาวฮ่องกงกลุ่มหนึ่ง นำโดยผู้สร้างภาพยนตร์คนหนึ่ง สั่งซื้อเครื่องจักรจากอินเดียมาตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยขายเอง เพื่อบรรรเทาภาวะขาดแคลนและโก่งราคา
หลังจากฮ่องกงพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกเมื่อเดือนก่อน คนในฮ่องกงก็แห่ไปเข้าแถวรอหน้าร้านขายยาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อซื้อหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจนขาดแคลนและมีการขายโก่งราคา แต่ตอนนี้ชาวฮ่องกงกลุ่มหนึ่ง นำโดยผู้สร้างภาพยนตร์ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะเกรงว่าจะถูกมองว่าวิจารณ์รัฐบาล ตัดสินใจนำเข้าเครื่องจักรจากโรงงานใกล้เมืองเชนไนของอินเดียในราคา 150,000 ดอลลาร์ มาตั้งโรงงานใกล้พรมแดนจีน ผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 100,000 ชิ้น และตั้งเป้านำเข้าเครื่องจักรเพิ่มเพื่อให้สามารถเดินเครื่องได้ทั้งหมด 8 ตัวภายในเดือน เม.ย.
ผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้ขอสงวนนามบอกว่า รู้สึกโมโหมากที่หาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ส่วนที่มีขายก็นำเข้าจากต่างประเทศ ขายในราคาแพงลิบลิ่ว เลยคิดว่าการผลิตหน้ากากอนามัยไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมจะตั้งโรงงานผลิตเองไม่ได้ โดยเขาจะจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางออนไลน์ชิ้นละ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 4 บาท) หวังว่าจะช่วยหยุดยั้งบรรดาร้านค้าขูดเลือดที่ขายราคาสูงถึงชิ้นละ 10 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 40 บาท)
ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในฮ่องกง ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ (21ก.พ.) เฟซบุ๊คอย่างเป็นทางการของตำรวจฮ่องกง ระบุว่า พบเจ้าหน้าที่ตำรวจวัย 48 ปีติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โดยผู้ติดเชื้อได้เข้าร่วมงานเลี้ยงกับตำรวจอีก 59 คน ในย่านทางตะวันตกของฮ่องกงเมื่อวันที่ 18 ก.พ. และขณะนี้ทุกคนที่เข้าร่วมงานถูกกักตัวไว้ดูอาการแล้ว เนื่องจากความกังวลเรื่องการติดเชื้อ
ฮ่องกง พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 แล้ว 69 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย โดยผู้ป่วยใหม่ที่พบเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีทั้งคนงานในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดและคนขับแท็กซี่ ซึ่งทั้งคู่ล้วนมีโอกาสสูงที่จะแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น ขณะที่การจัดการกับการระบาดของทางการก็สร้างความไม่พอใจให้ผู้คนในฮ่องกง โดยนักวิจารณ์เรียกร้องให้ทางการปิดพรมแดนทั้งหมดกับจีนแผ่นดินใหญ่ มีกลุ่มแพทย์เข้าร่วมประท้วงเรียกร้องด้วย แต่ทางการกลับยังคงปิดเพียงบางส่วน
ที่ผ่านมา ทางการฮ่องกงประกาศปิดโรงเรียนยาวต่อเนื่องจนถึงวันที่ 16 มี.ค. เป็นอย่างน้อย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ พร้อมทั้งขอให้นักศึกษาต่างชาติไม่ต้องรีบเดินทางกลับมายังฮ่องกงในช่วงนี้ ส่วนฝ่ายบริหารของฮ่องกง อนุญาตให้พนักงานของรัฐทำงานจากที่บ้านจนถึงวันที่ 23 ก.พ. เพื่อลดความเสี่ยงที่ไวรัสจะแพร่กระจาย
“เควิน หยาง” เลขาธิการสำนักงานการศึกษาฮ่องกง บอกว่า โรงเรียนประถมและมัธยมในฮ่องกงจะหยุดการเรียนการสอนไปจนถึงช่วงกลางเดือน มี.ค. จากเดิมที่เลื่อนการเปิดเทอมหลังเทศกาลตรุษจีนเป็นวันที่ 2 มี.ค. เท่านั้น
เศรษฐกิจของฮ่องกงได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกัน ชาวฮ่องกงเองก็เลือกที่จะอยู่กับบ้านในช่วงการระบาด ทำให้ฮ่องกงประสบภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ขณะที่สมาชิกสภาท้องถิ่นกำลังเตรียมหารือเรื่องวงเงินช่วยเหลือ 30,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงโรงพยาบาล ที่ต่างกำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับการระบาด
ส่วนฟิทช์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ระบุว่า ฮ่องกงและมองโกเลียมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากเศรษฐกิจของทั้งเขตแดนนี้มีความเชื่อมโยงกับจีนสูงมาก
ฟิทช์ ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้จะทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงซบเซาลงอีก จากเดิมที่เศรษฐกิจติดลบอยู่แล้วอันเป็นผลจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาล โดยฮ่องกง มีความใกล้ชิดกับจีนมากทั้งทางเศรษฐกิจและการเงิน ความเคลื่อนไหวจากจีนจึงมีอิทธิพลต่อฮ่องกง
ส่วนมองโกเลีย ก็น่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน เนื่องจากมองโกเลียส่งออกสินค้าไปยังจีนมากเกือบ 90% ของการส่งออกทั้งหมดในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้จีน เป็นแหล่งรายได้หลักของมองโกเลีย นอกจากนี้ ทางการมองโกเลียยังได้สั่งปิดชายแดนด้วย ซึ่งนอกจากจะห้ามคนและรถยนต์ข้ามชายแดนแล้ว ยังกระทบต่อการขนส่งถ่านหิน