‘ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์’ ประกาศปิดประเทศสกัดโควิด-19
ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ประกาศปิดประเทศไม่ให้ชาวต่างชาติเข้า ซึ่งเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ใน 2 ประเทศ
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียประกาศวันนี้ (19 มี.ค.) ว่า ห้ามผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองและไม่มีถิ่นพำนักถาวรในออสเตรเลียเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (20 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เป็นต้นไป
ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่า 100 คน ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 709 คน นับถึงวันที่ 19 มี.ค.
นายมอร์ริสัน ระบุว่า เคสผู้ป่วยราว 80% เกิดจากกลุ่มคนที่ติดเชื้อไวรัสมาจากต่างประเทศ หรือเคยสัมผัสโดยตรงกับผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ
ผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า ชาวออสเตรเลีย 69% เห็นด้วยกับมาตรการปิดพรมแดน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์ ประกาศในวันเดียวกันว่า จะดำเนินการปิดพรมแดนทั่วประเทศ โดยจะอนุญาตให้พลเมือง ผู้มีถิ่นพำนักถาวร และครอบครัวเดินทางเข้าประเทศได้เท่านั้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 23.59 น.ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
“รู้สึกกังวลต่อผู้ที่เดินทางเข้ามายังนิวซีแลนด์ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ตัดสินใจปิดพรมแดนทั่วประเทศ” นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าว
นางอาร์เดิร์น กล่าวอีกว่า ระเบียบใหม่จะครอบคลุมผู้เดินทางมาจากประเทศในกลุ่มภูมิภาคแปซิฟิก จากที่ก่อนหน้านี้ได้รับการยกเว้นการกักตัว 14 วันหลังจากเดินทางเข้าประเทศ และจะมีผลครอบคลุมถึงผู้ที่ถือวีซ่าชั่วคราวด้วย
“การตัดสินใจของเราวันนี้จะทำให้นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่ถือวีซ่าชั่วคราว เช่น นักศึกษาหรือแรงงานต่างชาติ ไม่สามารถเดินทางเข้ามายังนิวซีแลนด์ได้”
ทางการนิวซีแลนด์ รายงานว่า นับถึงวันที่ 19 มี.ค. พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่อีก 8 คน ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมจำนวน 28 คน
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศยังมีการบังคับใช้ข้อจำกัดอื่น ๆ เพื่อยับยั้งโรคระบาด แต่ยังไม่ถึงขั้นปิดโรงเรียนหรือใช้มาตรการ "ล็อคดาวน์" หรือปิดเมือง
บรรดาผู้กำหนดนโยบายต่างหวังว่า การงดรับชาวต่างชาติจะช่วยลดอัตราการติดเชื้อภายในประเทศ และหลีกเลี่ยงความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชนในอีกหลายเดือนข้างหน้า