ผ่าอาณาจักร ‘กาสิโนมาเก๊า’ มรดกแสนล้านของ ‘สแตนลีย์ โฮ’
ส่องอาณาจักร “กาสิโนมาเก๊า” มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทของ “สแตนลีย์ โฮ” มหาเศรษฐีผู้ล่วงลับซึ่งส่งไม้ต่อให้เหล่าทายาทบริหารแล้ว แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ ธุรกิจของเขาต้องผ่านอุปสรรคหลายอย่าง รวมถึง “ศึกสายเลือด” ชิงอาณาจักรกาสิโนแห่งนี้
สแตนลีย์ โฮ เศรษฐีชาวฮ่องกงเจ้าของฉายา “ราชาแห่งธุรกิจการพนัน” ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัย 98 ปีเมื่อวันอังคาร (26 พ.ค.) เริ่มต้นสร้างอาณาจักรกาสิโนในมาเก๊าภายใต้การบริหารของบริษัท SJM Holdings ของเขาเมื่อปี 2504 สมัยมาเก๊ายังเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส
SJM Holdings ของโฮเฟื่องฟูอย่างมากตั้งแต่ช่วงที่จีนเริ่มเปิดเศรษฐกิจจนเกิดแหล่งความมั่งคั่งใหม่ในแดนมังกรที่คนนิยมเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ แต่จนถึงขณะนี้ การพนันยังเป็นสิ่งผิดกฎหมายในแผ่นดินใหญ่ ทำให้ชาวจีนจำนวนมากมักออกไปเสี่ยงโชคในต่างแดน
ความรุ่งเรืองของโฮพลิกโฉมมาเก๊าจากแหล่งค้าขายที่ซบเซามาเป็น “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” ด้วยการอาศัยความได้เปรียบสำคัญจากการที่มาเก๊าอนุญาตให้เปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย
- สแตนลีย์ โฮ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งอาณาจักรกาสิโนแสนล้านในมาเก๊า -
ในขณะที่ความมั่งคั่งของโฮเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เขายังขยายธุรกิจไปนอกมาเก๊า รวมถึงสร้างอาคารพักอาศัยและอาคารสำนักงานในฮ่องกง ต่อมาในปี 2527 โฮได้รับสัมปทานดำเนินธุรกิจกาสิโนในโปรตุเกส และในปี 2543 เขายังลงทุน 30 ล้านดอลลาร์เพื่อเปิดกาสิโนชื่อ “Casino Pyongyang” ในเมืองหลวงของเกาหลีเหนือ
- แบ่งอาณาจักรให้ทายาทกว่า 10 คน
อย่างไรก็ตาม งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เมื่อมหาเศรษฐีซึ่งบริหารอาณาจักรกาสิโนมูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.75 แสนล้านบาท) มานาหลายสิบปี ตัดสินใจวางมือทางธุรกิจในปี 2561 และส่งต่อการบริหารให้ทายาท
แต่ก่อนวางมือ โฮได้วางแผนและพยายามจัดแจงตำแหน่งบริหารอย่างเท่าเทียมให้กับบรรดาทายาทของเขา
โฮแบ่งอาณาจักรกาสิโนของตัวเองให้กับสมาชิกในครอบครัวที่ประกอบไปด้วยภรรยา 4 คน และทายาทราว 17 คน ในจำนวนนี้หลายคนได้นั่งตำแหน่งสำคัญ ๆ ของกลุ่ม ซึ่งรวมถึง แพนซี โฮ บุตรสาวที่มีอายุมากที่สุดจากภรรยาคนที่ 2 ของเศรษฐีกาสิโนรายนี้
แพนซีเคยได้รับการจัดอันดับเป็นเศรษฐินีที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ราว 3,700 ล้านดอลลาร์ โดยเธอเข้ามาบริหารงานแทนบิดาในตำแหน่งประธานบริษัท Shun Tak Holdings ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้บริหารเรือข้ามฟากระหว่างฮ่องกงกับมาเก๊า และยังเป็นผู้ก่อตั้ง MGM China Holdings ผู้ดำเนินการกาสิโนและโรงแรมในมาเก๊า
- แพนซี โฮ บุตรสาวคนโตของ สแตนลีย์ โฮ -
ส่วน เดซี โฮ บุตรสาวจากภรรยาคนที่ 2 ของโฮและน้องสาวของแพนซี นั่งตำแหน่งประธานและผู้อำนวยการบริหารบริษัท SJM Holdings ต่อจากบิดาที่ประกาศวางมือช่วงกลางปี 2561
- เดซี โฮ บุตรสาวผู้รับตำแหน่งประธาน SJM ต่อจากบิดา -
ขณะที่ ลอว์เรนซ์ โฮ บุตรชายจากภรรยาคนที่ 2 นั่งตำแหน่งประธานและซีอีโอ Melco Resorts ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ผ่าน Melco International Development บริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกง โดยเขามีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ราว 2,000 ล้านดอลลาร์
- ลอว์เรนซ์ โฮ บุตรชายของโฮ ซึ่งปัจจุบันบริหาร Melco Resorts -
ส่วน แองเจลา เหลียง บุตรสาวจากภรรยาคนที่ 4 นั่งเก้าอี้ประธานร่วมบริหารและผู้ถือหุ้นลำดับ 2 ของ SJM ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ราว 3,200 ล้านดอลลาร์
- แองเจลา เหลียง (ขวา) ประธานร่วมบริหารและผู้ถือหุ้นลำดับ 2 ของ SJM -
- ชีวิตก่อนเป็นเจ้าพ่อมาเก๊า
สแตนลีย์ โฮ ซึ่งได้รับฉายาว่า “เจ้าพ่อมาเก๊า” เป็นหลานทวดของ โรเบิร์ต โห่ตง มหาบุรุษแห่งฮ่องกง และยังเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง
แต่ด้วยผลกระทบจากการขยายอาณานิคมของญี่ปุ่นเมื่อปี 2484 ทำให้โฮต้องย้ายไปตั้งหลักที่มาเก๊า และเริ่มสร้างฐานะทางการเงินด้วยการขนส่งสินค้าไปยังจีนแผ่นดินใหญ่
หลังสั่งสมคอนเนคชั่นและบารมีมาได้ระยะหนึ่ง ในปี 2505 โฮสามารถผนึกกลุ่มนักลงทุนและคว้าสัมปทานการบริหารธุรกิจการพนันทั้งหมดในมาเก๊าแต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลาหลายทศวรรษ
กระทั่งปี 2545 รัฐบาลอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ จนทำให้เงินสะพัดจากแหล่งกาสิโนคิดเป็นราว 80% ของรายได้รายปีของมาเก๊า และแซงหน้ารายได้ของแหล่งกาสิโนในนครลาสเวกัสของสหรัฐ จนกลายเป็นศูนย์กลางกาสิโนขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในปัจจุบัน
แม้ว่าสัดส่วนรายได้จากกาสิโนมาเก๊าต่อจีดีพีของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ในปี 2557 สัดส่วนนี้ลดลงช่วงที่รัฐบาลจีนเริ่มปราบปรามการทุจริตครั้งใหญ่ และลดลงอีกครั้งในปีนี้ หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 สัดส่วนรายได้กาสิโนมาเก๊าต่อจีดีพีร่วงหนักถึง 97% เนื่องจากเหล่านักพนันชาวจีนพากันงดเดินทางมาเสี่ยงโชค
- ปิดฉากการผูกขาด
เมื่อมาเก๊ากลับไปเป็นส่วนหนึ่งของจีนหลังอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกสนานกว่า 400 ปี สิทธิการบริหารธุรกิจกาสิโนในมาเก๊าก็ไม่ใช่ของกลุ่ม SJM Holdings เพียงรายเดียวอีกต่อไป แต่ยังมีผู้เล่นรายใหม่เข้าร่วมด้วย ซึ่งบางรายก็บริหารโดยทายาทของโฮ
ตัวอย่างเช่น Galaxy Entertainment Group ของฮ่องกง, Melco Resorts & Entertainment ของลอว์เรนซ์ โฮ, MGM China Holdings ของแพนซี โฮ, Sands China ในเครือ Las Vegas Sands ของ เชลดอน อเดลสัน มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน และ Wynn Macau กลุ่มธุรกิจกาสิโนและรีสอร์ทเจ้าถิ่น
ปัจจุบัน SJM ควบคุมกาสิโน 20 แห่งในมาเก๊า ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 26 ตารางกิโลเมตร
- ศึกสายเลือด
เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ย่อมไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่คนสายเลือดเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ โฮติดทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านของโลกที่จัดโดยนิตยสารฟอร์บสครั้งแรกในปี 2535 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์อย่างน้อย 1,100 ล้านดอลลาร์ และมีชื่อติดทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านต่อเนื่องจนถึงครั้งสุดท้ายในปี 2554 ช่วงที่ความมั่งคั่งของเขาลดลงจากการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัวจนถึงขั้นเกิดความขัดแย้งหนักเกี่ยวกับการบริหารอาณาจักรกาสิโน
โฮซึ่งเคยบาดเจ็บที่ศีรษะจากอุบัติเหตุในบ้านพักจนถึงขั้นผ่าตัดสมองช่วงกลางปี 2552 บอกว่า เขาต้องการแบ่งทรัพย์สินของตัวเองให้กับลูก ๆ ที่เกิดกับภรรยาทั้ง 4 คนอย่างเท่าเทียมกัน
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน พี่น้องตระกูลโฮเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า “ข้อขัดแย้งนี้ได้จบลงแล้ว”
อย่างไรก็ตาม การส่งต่ออำนาจบริหารอาณาจักรกาสิโนมูลค่าหลายแสนล้านบาทเมื่อปี 2561 กลับทำให้ความขัดแย้งภายในครอบครัวกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง
เดือน ม.ค. 2562 แพนซี บุตรคนโตของโฮจากภรรยาคนที่ 2 จับมือเป็นพันธมิตรกับพี่น้องบางคนเพื่อเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท SJM ทำให้แพนซีมีอำนาจบริหารเหนือแองเจลา บุตรสาวจากภรรยาคนที่ 4 ซึ่งเป็นประธานร่วมบริหาร SJM
น่าติดตามอย่างยิ่งว่า หลังจากสูญเสียบิดาผู้ก่อตั้งอาณาจักรกาสิโนมาเก๊าแล้ว จะเกิดศึกสายเลือดชิงมรดกแสนล้านระหว่างพี่น้องตระกูลโฮรอบใหม่อีกหรือไม่?!
----------------------------