'มรดกแห่งชาติจีน' เสี่ยงจมหายไปกับน้ำท่วมใหญ่
การดำรงอยู่ของ "มรดกด้านวัฒนธรรม" และ "โบราณสถาน" หลายแห่งในจีน กำลังแขวนบนเส้นด้าย เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะ "จมหาย" ไปกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ขณะนี้
บนฝั่งทะเลสาบโผหยาง น้ำหลากไหลบ่าเข้ากลืนกินรั้วเหล็ก หน้าต่าง และประตูไม้ชั้นที่หนึ่งของด่านศุลกากรจิ่วเจียง สาขาย่อยกูถัง ซึ่งเป็นสำนักงานศุลกากรโบราณที่เพิ่งบรรจุในรายชื่อโบราณสถานคุ้มครองแห่งชาติเมื่อปีที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า น้ำที่ท่วมมายังซัดเศษขยะ ขวดพลาสติก และกิ่งไม้ ขึ้นไปบนบันไดหน้าประตูที่นำไปสู่สวนด้านหลังของแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเหลียนซีของเมืองจิ่วเจียง มณฑลเจียงซี ทางตะวันออกของจีน
จีนย่างเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน มิ.ย. โหมกระหน่ำพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้ของจีน และน้ำของแม่น้ำหลายสายในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับเตือนภัย พื้นที่ทางตอนเหนือของมณฑลเจียงซีเผชิญฝนตกหนักหลายระลอกตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. พร้อมกับปริมาณน้ำในแม่น้ำและทะเลสาบท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
น้ำหลากไหลบ่าเข้าท่วมมรดกทางวัฒนธรรมจำนวนมาก
สำนักบริหารมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ (NCHA) เผยว่า มีมรดกทางวัฒนธรรมที่เคลื่อนที่ไม่ได้จำนวนกว่า 500 ชิ้นได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมทางตอนใต้ของจีนในช่วงที่ผ่านมา
ซ่ง ซินเฉา รองผู้อำนวยการสำนักบริหารมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ กล่าวว่า มรดกทางวัฒนธรรมในแถบภูมิภาคที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแยงซีได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงที่สุด ทั้งสะพาน กำแพงเมือง และอาคารโบราณต่างๆ ถูกน้ำซัดท่วม
ซ่งกล่าวว่า ทางสำนักบริหารได้จัดสรรเงินจำนวน 3.5 ล้านหยวน (ประมาณ 15 ล้านบาท) เป็นเงินทุนให้กับงานกู้ภัยมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชน ให้ความร่วมมือสนับสนุนงานดังกล่าว
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ระดับน้ำในทะเลสาบโผหยาง ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน สูงกว่าเครื่องหมายรับประกันที่ 22.43 เมตร ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อสถานที่ตั้งของด่านศุลกากรจิ่วเจียง สาขาย่อยกูถัง
“ในปีนี้น้ำท่วมรุนแรงมาก โดยเฉพาะที่ทะเลสาบโผหยาง ถ้าพื้นที่นั้นจมอยู่ใต้น้ำนานเกินไปจะเริ่มพังทลาย” จู ผิง ตัวแทนสำนักบริหารการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น กล่าว
สถานที่ดังกล่าวอยู่ในตำบลกูถัง ห่างจากตัวเมืองจิ่วเจียงประมาณ 13 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเชิงเขาของภูเขากูถัง โดยมีทะเลสาบโผหยางอยู่ทางด้านตะวันออก
พื้นที่นี้ประกอบด้วยอาคาร 3 หลัง อันประกอบด้วยสำนักงานจัดเก็บภาษี สำนักงานบริหาร และอาคารหอพัก ทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่ 2,028 ตารางเมตร ประวัติศาสตร์การจัดเก็บภาษีของที่แห่งนี้ย้อนกลับไปถึงปี 1723 และปิดตัวลงในปี 1931
ด่านศุลกากรจิ่วเจียง สาขาย่อยกูถังเป็นสำนักงานศุลกากรทางประวัติศาสตร์แห่งเดียวในมณฑลเจียงซีที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จัดว่ามีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะเป็นอย่างมาก ในปี 1987 ถูกจัดเข้ารายชื่อมรดกทางวัฒนธรรมระดับมณฑลที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง
“อาคารเหล่านี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากในเมือง หลายคนเดินทางมาเก็บภาพ หรือชื่นชมกับความเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ของสถานที่” จูกล่าว
อย่างไรก็ตาม น้ำหลากในปีนี้ไม่เพียงแต่กีดกันนักท่องเที่ยวออกไป หากยังแสดงท่าทีข่มขวัญว่าอาจกลืนกินสถานที่แห่งนี้ให้หายไปด้วย
“ในอดีต ถนนด้านหน้าประตูเหล็กสูง 2 เมตรสามารถรองรับรถ 2 คันให้ผ่านไปพร้อมกันได้ แต่ตอนนี้ถนนจมอยู่ในน้ำลึก” จูกล่าว
ครั้งหนึ่งผู้พิทักษ์ในวัย 70 ปีรายนี้เคยอยู่ประจำการเพื่อเฝ้าดูสถานที่ แต่ทางการก็ย้ายเขาเข้าไปในเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงอุทกภัย
น้ำยังไหลท่วมทางเดินที่ยื่นเข้าไปในทะเลสาบ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปใกล้ริมน้ำได้ แต่จูเผยว่า “ทั้งถนนและทางเดินนั้นจมอยู่ใต้น้ำประมาณ 2-3 เมตร”
จูยังบอกเล่าสถานการณ์อันตรายที่สุดที่เกิดขึ้นในวันที่ 12 ก.ค. ว่า “วันนั้นน้ำโถมซัดเข้าไปที่หน้าต่างภายในลาน เกือบจะเข้าไปในห้องนิทรรศการแล้ว ตอนนี้อาคารบางส่วนจมอยู่ในน้ำมาครึ่งเดือนแล้ว”
ทุกวันนี้ แม้กระทั่งผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำพื้นที่อย่างจูก็ยังต้องนั่งเรือเพื่อไปถึงสถานที่นั้น
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นวางแผนที่จะใช้เงินทุนเพิ่มเติมบูรณะซ่อมแซมส่วนที่พังเสียหาย
“หลังจากน้ำลด เราจะขอให้หน่วยงานมืออาชีพมาประเมินความเสียหาย โดยเฉพาะความเสียหายของกำแพง” จูกล่าว “เรากำลังคิดที่จะสร้างประตูขนาดใหญ่เพื่อป้องกันน้ำท่วม เราไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์พังทลายกลายเป็นซากปรักหักพัง”