‘ญี่ปุ่น’ เมินออฟฟิศ หนุนเวิร์คฟรอมโฮม
1 ใน 3 ของบริษัทญี่ปุ่น กำลังประเมินความสำคัญการใช้สำนักงาน หลังจากความจำเป็นต้องใช้ออฟฟิศลดลงรวดเร็วในเดือน ส.ค. เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่น 65% ได้อนุญาตหรือสนับสนุนให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
นับตั้งแต่รัฐบาลได้กำหนดมาตรการจำกัดกิจกรรมทางธุรกิจและการเดินทาง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โพลรอยเตอร์ได้ทำการสำรวจบริษัทญี่ปุ่นจำนวน 495 บริษัท พบว่ามีบริษัท 62% ใช้สำนักงานน้อยลง 10-20% ในช่วงต้นเดือน ส.ค.จากปีที่แล้ว ขณะที่ 25% ใช้ลดลง 30-50% และอีก 9% ใช้น้อยลงกว่าครึ่งในช่วงเวลานั้น
ผลสำรวจดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า บริษัทต่างๆ ให้ความยืดหยุ่นกับพนักงานมากขึ้นในช่วงที่มีการระบาด และเริ่มทบทวนการใช้สำนักงานออฟฟิศแบบดั้งเดิม ซึ่งจะเป็นโอกาสเลิกการทำงานยาวนานหลายชั่วโมง และการแออัดในรถไฟเพื่อไปทำงาน อันเป็นสัญลักษณ์การทำงานหนักของญี่ปุ่น
“การทบทวนการทำงานในพื้นที่สำนักงานจะช่วยเพิ่มประโยชน์ในทางสังคม ทั้งช่วยลดปัญหาด้านการเดินทาง และแก้ไขการขาดแคลนพื้นที่ใช้ทำเป็นออฟฟิศ” ผู้จัดการบริษัทผลิตกระดาษแสดงความเห็น
เมื่อต้นปี 2563 บริษัทที่ต้องการขยายและอัพเกรดออฟฟิศ มีความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในกรุงโตเกียว แต่ทว่าพอถึงเดือน พ.ค.-ก.ค พบจำนวนคนว่างงานลดลงเรื่อยๆ
ในจำนวนนี้พบว่า 48% กำลังจัดตั้งสำนักงานโดยทำงานผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นทางเลือกที่มีความนิยมมากที่สุด ขณะที่ 33% กำลังคิดจะลดขนาดออฟฟิศลง โดยการยกเลิกสัญญาเช่าซื้อและ 10% กำลังมองหาพื้นที่ทำงานในแบบโคเวิร์คกิ้งสเปซ
การสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากยังต่อต้านแนวคิด “เวิร์คเคชัน” (workation) หรือทำงานผ่านระบบทางไกลจากรีสอร์ทและต่างจังหวัด โดยเกือบ 2 ใน 3 ของบริษัทที่ร่วมทำการสำรวจ บอกว่ายังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้