'ดาวโจนส์' ปิดบวก 161 จุด แรงหนุนผู้บริโภคใช้จ่ายพุ่ง
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแดนบวกในวันศุกร์ (28 ส.ค.) ขานรับข้อมูลผู้บริโภคอเมริกันใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ หลังรัฐบาลคลายล็อคดาวน์โควิด-19
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 161.60 จุด (0.6%) ปิดที่ 28,653.87 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 23.46 จุด (0.7%) ปิดที่ 3,508.01 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 70.30 จุด (0.6%) ปิดที่ 1,695.63 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกส่งท้ายสัปดาห์ ได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคในประเทศ เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือน ก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.5% หลังจากพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือน มิ.ย.
ก่อนหน้านี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคอเมริกันร่วงลง 12.6% ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502
การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปิดร้านค้าต่าง ๆ ส่งผลให้มีผู้ตกงานจำนวนมาก และฉุดอุปสงค์ในการใช้จ่ายสินค้า
ขณะที่รายได้ส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ก.ค. หลังจากลดลง 1.1% ในเดือน มิ.ย.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือน มิ.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือน ก.ค.
ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลาง (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันพฤหัสบดี (27 ส.ค.) ประกาศปรับนโยบายการเงินครั้งสำคัญ โดยจะเปลี่ยนแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ เพื่อเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ
การประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินดังกล่าวจะส่งผลให้เฟดไม่ต้องรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่ออัตราว่างงานลดลง ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ดีดตัวขึ้น
นายพาวเวล กล่าวว่า เฟดจะใช้เครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า "เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย" ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีความยืดหยุ่น และสามารถดีดตัวขึ้นเหนือ 2% แทนที่จะกำหนดเป้าหมายตายตัวที่ 2%