ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง อเมริกาบริจาควัคซีนไฟเซอร์
เปิดเรื่องเบื้องหลังการเจรจา "วัคซีนไฟเซอร์" จากสหรัฐสู่ไทย ที่ทำด้วยความโปร่งใส ไม่มีการล็อบบี้ สัญญาเรื่องการตอบแทน ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือความกดดันทางการเมืองใดๆ แต่ก็สะท้อนความสำคัญของชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ในสายตาผู้นำ
ขอขอบคุณชาวอเมริกัน ที่มีน้ำใจบริจาค วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส เพื่อช่วยเหลือชาวไทย
ขอบคุณรัฐบาลอเมริกัน ประธานาธิบดี Biden และทีมงานทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวุฒิสมาชิก ลัดดา แทมมี่ Duckworth ซึ่งเป็นกำลังสำคัญ สัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ ความภูมิใจของไทยซึ่งเป็นมาตุภูมิของท่าน ขอบคุณอุปทูตอเมริกัน Michael Heath
ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ดอน ปรมัตถ์วินัย ในความอุตสาหะ อดทน อดกลั้น และความตั้งใจแน่วแน่ ในการหาวัคซีนทางเลือกมาช่วยเสริม
ขอบคุณประธานหอการค้าไทย สนั่น อังอุบลกุล ที่เป็นแรงใจ สนับสนุนจากภาคเอกชน ในการช่วยเจรจากับหลายฝ่าย โดยไม่ย่อท้อต่อเนื่อง ปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ
ขอบคุณ คุณพยอม วลัยพัชรา ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมให้กับผู้นำหอการค้าไทยและกระทรวงต่างประเทศ
ขอบคุณทุกคนที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยอยู่เบื้องหลัง ในขั้นตอนอันสับสนของการจัดการนำเข้าวัคซีนครั้งนี้ ทั้งในอเมริกาและในเมืองไทย หลายท่านขอสงวนชื่อไว้เป็นการส่วนตัว เพราะยังมีภารกิจในการทำเรื่องนี้ต่อไป
ย้อนหลังกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ค.ศ. 2020 ในฤดูเลือกตั้งประธานาธิบดี ปัญหาอันดับหนึ่งคือเรื่องโควิด การบริหารไม่ประสานงานกัน ทิศทางไม่ชัดเจนของรัฐบาล Trump ทำให้เกิดการติดเชื้อและล้มตายเป็นจำนวนมาก
ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย Asian Americans and Pacific Islanders (AAPI) เป็นกลุ่มที่กำลังเพิ่มจำนวน และเพิ่มบทบาทในภาคธุรกิจและสังคม แต่ความกระตือรือร้นทางการเมืองนั้นยังช้ากว่าอย่างอื่น ผลการเลือกตั้งปีค.ศ. 2016 เตือนสติให้ทุกคนเห็นว่าทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ ชาว AAPI ไปเลือกตั้งปีค.ศ. 2016 เพียงแค่ 50% โดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี
ในรัฐจอร์เจีย ภูมิลำเนาที่ผมอยู่ในปัจจุบัน ผมเป็นหนึ่งในผู้นำชาว AAPI ที่รณรงค์ให้ชาว AAPI ไปเลือกตั้งในปีค.ศ. 2020 เพิ่ม 62,000 คน (62%) เทียบกับ2016 (50%) ชาว AAPI เลือกเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกัน 53% ต่อ 34% ส่งผลให้ประธานาธิบดี Biden ชนะไป 11,600 คะแนน เมื่อนับคะแนนรวมทั้งรัฐแล้ว
การเลือกตั้งที่สำคัญมากอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 5 มกราคมปีนี้ Georgia เลือกวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต 2 คน เข้าไปแทนรีพับลิกัน ทำให้มีเสียงข้างมากในวุฒิสภา ประธานาธิบดี Biden บริหารประเทศและดำเนินนโยบายสำคัญได้ เนื่องจากมีเสียงข้างมากทั้งสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา
12 รัฐในอเมริกาถือว่าเป็นรัฐ swing states ที่คะแนนเสียงเพียงเล็กน้อยจะเปลี่ยนผลของการเลือกตั้งได้ (Arizona, Colorado, Florida, Georgia, Iowa, Maine, Michigan, North Carolina, Ohio, Pennsylvania, Texas, and Wisconsin) การเลือกตั้งทุกครั้งในรัฐเหล่านี้จึงมีการทุ่มทุนอย่างมหาศาล เก็บคะแนนเสียงทุกคะแนน
ชาว AAPI เป็น swing voters in swing states ผู้ที่มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงในรัฐเหล่านี้จึงมีค่ามาก นักการเมืองรู้เรื่องนี้ดี
ในกรณีวัคซีนนี้ เราชาวอเมริกันเห็นความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมโลก ที่ขาดโอกาสในการต่อสู้กับโควิดกลายพันธุ์ เราจึงติดต่อกรรมาธิการระหว่างประเทศในสภาผู้แทน 27 คนและในวุฒิสภา 11 คน และผู้บริหารในทำเนียบขาว White House Covid Task Force, CDC & FDA เตรียมข้อมูลจากภาคสนาม เช่น วัคซีนเกินสต๊อกในรัฐต่างๆ การเตือนผู้นำเรื่องความรับผิดชอบของประเทศที่ร่ำรวย
เสียงจากประชาชนที่มีน้ำหนักในการตัดสินการเลือกตั้ง ทำให้ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจให้ความสนใจเป็นพิเศษ ส่งผลถึงความเร่งด่วนและความสำคัญก่อนหลัง ในการดำเนินนโยบาย
ขอย้ำว่าในการดำเนินการทุกอย่าง เราทำด้วยความโปร่งใส ไม่มีการล็อบบี้ สัญญาเรื่องการตอบแทน ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือความกดดันทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น
การเมือง (politics) และนโยบาย (policy) มาคู่กันเสมอ ฝึกฝนการใช้ภาษาพูดและเขียน ร่วมกิจกรรมการเมือง ปรับปรุงทักษะอยู่เสมอ จะทำให้เราเข้าถึงนโยบายได้ในที่สุด
ขอขอบคุณพี่น้องอาสาสมัครชาวอเมริกันเชื้อสายไทยทุกท่าน ที่ช่วยรณรงค์ส่งอีเมลและจดหมายรายชื่อหางว่าว จากครอบครัว ธุรกิจของท่าน หรือตามวัดไทยต่างๆ ถึงสมาชิกรัฐสภา เสียงเรียกร้องจากพวกเราส่งผลลัพธ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ขอบคุณพี่น้องชาวไทยในชิคาโก ในกิจกรรมทุกอย่างที่เราประสานงานกันในเดือนกรกฎาคมนี้ ทำให้เราได้วัคซีนบริจาคเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านโดส
สถานการณ์ในมาตุภูมิ ระหว่างสิงหาคมและกันยายน เป็นสิ่งที่เราประมาทไม่ได้ การรณรงค์นำวัคซีนมาเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะยี่ห้อ Janssen ที่ตกค้างในอเมริกาเกือบ 8 ล้านโดสนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกินความสามารถของเรา
ประเทศเพื่อนบ้านกำลังลำบาก พม่ามีสงครามระหว่างเผ่าชน เศรษฐกิจล้มสลาย ซ้ำเติมกับโรคระบาดกว่า 3 ล้านคน ทั้งที่ชายแดนและที่ทำงานในไทย คือความเสี่ยง เราต้องหาวัคซีนช่วยเหลือพวกเขาโดยด่วนที่สุด มนุษยธรรมไม่มีพรมแดนครับ