"สตีฟ บรูซ" เปิดใจหลังแยกทาง "นิวคาสเซิล"

สโมสร "นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด" แห่งพรีเมียร์ลีกและหนึ่งในสโมสรฟุตบอลเก่าแก่ของอังกฤษ ประกาศวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า สโมสรและสตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมวัย 60 ปี บรรลุข้อตกลงที่จะแยกทางกัน หลังบรูซทำหน้าที่คุมทัพ 1,000 นัด ในช่วง 2 ฤดูกาลเศษตั้งแต่ปี 2019 ต่อจาก "ราฟา เบนิเตซ" อดีตกุนซือชาวสเปน

อนาคตของบรูซแขวนอยู่บนเส้นด้าย นับตั้งแต่ ไมค์ แอชลีย์ เศรษฐีอังกฤษ เจ้าของสโมสรคนเดิม ขายกิจการให้กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย ด้วยข้อตกลงมูลค่า 305 ล้านปอนด์เมื่อเกือบ 2 สัปดาห์ที่แล้ว

ขณะนี้ นิวคาสเซิลกำลังดิ้นรนอยู่ในโซนท้ายตารางพรีเมียร์ลีก หลังนัดล่าสุดเปิดรังเซนต์ เจมส์ พาร์ค พ่ายให้กับ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 2-3 ต่อหน้าต่อตาผู้บริหารป้ายแดงอย่าง "อแมนดา สเตฟลีย์" และ "เมห์ดัด โกดุสซี" เมื่อคืนวันอาทิตย์ (17 ต.ค.) ที่ผ่านมา

บรูซ กล่าวหลังแยกทางกับสาลิกาดงว่า "ผมขอขอบคุณทุกๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สำหรับโอกาสคุมสโมสรอันเก่าแก่แห่งนี้"

"นี่เป็นสโมสรที่มีการสนับสนุนอย่างล้นหลาม และผมหวังว่าเจ้าของรายใหม่ จะสามารถขับเคลื่อนสโมสรไปข้างหน้าสู่จุดที่เราต้องการอยู่ ผมขอให้ทุก ๆ คนโชคดีสำหรับฤดูกาลที่เหลืออยู่ และในอนาคต" กุนซือวัย 60 ปี ระบุในแถลงการณ์สโมสร

ทั้งนี้ มีรายงานว่า บรูซ จะได้รับเงินชดเชย 8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 360 ล้านบาท) หลังตกงาน

ขณะที่ในบทสัมภาษณ์ของเดลี เทเลกราฟ หนังสือพิมพ์อังกฤษชื่อดัง บรูซเปิดใจยอมรับว่า นิวคาสเซิลอาจเป็นงานสุดท้ายของเขาในฐานะผู้จัดการทีม

"มันเจ็บไม่น้อย เพราะครอบครัวผมทุกคนล้วนเป็นชาวจอร์ดี (คนจากย่านนิวคาสเซิล) และผมก็ไม่อาจเมินเฉยต่อเรื่องนั้น" บรูซกล่าว "นี่อาจเป็นงานสุดท้ายของผมในฐานะผู้จัดการทีม จนกว่าผมจะได้รับโทรศัพท์จากประธานสโมสรสักทีม มาขอให้ผมไปร่วมงานกับพวกเขา"

"อย่าพูดว่าไม่มีวัน ผมเรียนรู้เรื่องนี้มาแล้ว" ผู้กลายเป็นอดีตกุนซือสาลิกาดง เสริม

หลังจากนี้ แกรม โจนส์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมจะรักษาการตำแหน่งกุนซือ ไปก่อน เริ่มตั้งแต่แมตช์เยือน คริสตัล พาเลซ วันเสาร์ที่ 23 ต.ค.นี้

ขณะที่เว็บไซต์เดลีเมล ของอังกฤษ รายงานว่า นิวคาสเซิลเตรียมเปิดโต๊ะเจรจาอย่างจริงจังกับ เปาโล ฟอนเซกา วัย 48 ปี อดีตกุนซือทีมโรม่า แห่งกัลโช เซเรียอา เพื่อให้มารับงานคุมทีมแทนบรูซ ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า