“ไทย - ลาว” ม่วนซื่น จ่อเปิดจุดผ่านแดนเร็วนี้
การประชุมเจซี ไทย - ลาว เห็นพ้องตั้งคณะทำงานพิจารณาเปิดจุดผ่านแดน หลังได้รับผลกระทบระบาดโควิด-19 หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และเชื่อมโยงกิจกรรมระดับประชาชนแบบไร้รอยต่อ
ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission - JC) ไทย-ลาว ครั้งที่ 22 ร่วมกับสะเหลิมไซ กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาว ได้พบหารือกลุ่มเล็กอย่างไม่เป็นทางการ ภายใต้แนวคิดฟื้นฟูอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนไปด้วยกันหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
การพบปะครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ลาว ประเทศเพื่อนบ้านประชุมร่วมกับไทย หลังเว้นไปเหตุระบาดโรคโควิด-19 และถือเป็นโอกาสร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - ลาวครบรอบ 70 ปี อีกด้วย
“อาจารี ศรีรัตนบัลล์” อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวบรรยายสรุปสาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ว่า ไทย-ลาวเห็นพ้องต้องการที่จะร่วมกันผลักดันการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกและทางน้ำระหว่างไทยกับลาว ภายใต้กลไกความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างกันให้มีความคืบหน้าต่อไป ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ชายแดนระหว่างทั้งสองประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายแดน
ส่วนการหารือแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เน้นส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เดินไปข้างหน้า แม้ระบาดโควิดยังมีอยู่ และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมทั้งวางรากฐานสำหรับความร่วมมือในสาขาใหม่ที่มีศักยภาพ
"ไทย-ลาวยังคงเป้าหมายทางการค้าร่วมกันอยู่ที่ 11,000 ล้านดอลลาร์ โดยขยายระยะเวลาการบรรลุเป้าหมายไปถึงปี 2568" อาจารีระบุและกล่าวว่า มีการเร่งรัดการพิจารณายกระดับจุดผ่านแดนและการกลับมาเปิดจุดผ่านแดนที่ทั้งสองฝ่ายปิดไปชั่วคราวหลังโควิด-19 เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน เพราะการค้าชายแดนคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 96% ของการค้าไทย-ลาว
ในปี 2563 มูลค่าการค้าชายแดน 2 ประเทศ อยู่ที่ 189,836 ล้านบาท หรือราว 6,335 ล้านดอลลาร์ ตลอดจนช่วยให้วิถีชีวิตของประชาชนตามแนวชายแดนสามารถกลับสู่สภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเห็นพ้องให้มีการจัดตั้งคณะทำงานหารือรายละเอียดและขั้นตอนการเปิดจุดผ่านแดน โดยจะพิจารณาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นสำคัญ
"ธานี แสงรัตน์" อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า กรมการกงสุลกำลังพิจารณาเพื่อเปิดให้ผู้เดินทางข้ามแดนทางบกได้ลงทะเบียน Thailand Pass เข้าประเทศไทย ซึ่งเป็นการขยายเพิ่มเติมที่ให้ผู้ข้ามแดนทางอากาศลงทะเบียนเข้าไทยผ่าน Thailand Pass
อาจารี กล่าวว่า ส่วนด้านการลงทุน ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมอำนวยความสะดวกและคุ้มครองนักลงทุนระหว่างกัน และเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนการพัฒนาการเชื่อมโยงระบบธนาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศ
2.การเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ในเรื่องการอำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน ที่ประชุมสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาความพร้อมและกำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนและการไปมาหาสู่ของประชาชน โดยในระยะแรกอาจมุ่งเน้นการเดินทางในลักษณะเช้าไปเย็นกลับในพื้นที่จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุดรธานี และนครหลวงเวียงจันทน์
ทั้งสองยังเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการสร้างความเชื่อมโยงไร้รอยต่อระหว่างกันในมิติต่างๆ ให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล ส่งเสริมให้มีการเชื่อมต่อระบบรางของสองประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน หลังจากที่ลาวจะเปิดการเดินรถไฟลาว-จีน รอบปฐมฤกษ์ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ และมีการหารือ 3 ฝ่ายร่วมกับจีนเพื่อเชื่อมโยงระบบราง ทั้งยังจะเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การประสานมาตรฐานและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงและการขนส่งระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เร่งรัดการเปิดใช้งานพื้นที่ควบคุมร่วม ณ จุดผ่านแดนถาวรหรือด่านสากลที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพูดคุยถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของบุคลากร ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจดิจิทัล โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจ Start Up และเสริมสร้างเครือข่ายนักธุรกิจและเครือข่ายผู้ให้บริการ พัฒนาเมืองคู่มิตรอัจฉริยะ (Smart Cities) ภายใต้เครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน (ASEAN Smart Cities Network) ตลอดจนความร่วมมือตามแนวทางเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) อาทิ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
หลังเสร็จสิ้นการประชุม ยังจะมีพิธีส่งมอบศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และศูนย์รองรับผู้ป่วยอุบัติเหตุเบื้องต้นและส่งต่อให้แก่โรงพยาบาลเมืองโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ และมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับเตรียมการรองรับผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19แก่โรงพยาบาลเด็ก นครหลวงเวียงจันทน์ด้วย
3.การเมืองและความมั่นคง มีการหารือตั้งแต่การรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน อาทิ การยกระดับความเข้มงวดการลาดตระเวนตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย ให้มีการปรึกษาหารือและประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกลไกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสองประเทศทั้งในระดับส่วนกลางและระดับท้องที่ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งสองจะมีการหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการนำเข้าแรงงานลาวอย่างถูกกฎหมายอีกครั้งเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย ส่งเสริมความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้มากขึ้น โดยไทยพร้อมสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพไทย-ลาว ที่นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแบบครบวงจรแก่ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการพบหารือครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-ลาว ครั้งที่ 12 ซึ่งฝ่ายลาวมีกำหนดเป็นเจ้าภาพที่ลาว ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก่อนหน้านี้ การประชุม JBC ไทย-ลาว ครั้งที่ 11 ได้จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2561