ดาวโจนส์ดิ่ง 201 จุดผิดหวังยอดค้าปลีก,ผลประกอบการแบงก์
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (14ม.ค.)ร่วงลง 201 จุดหลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ทรุดตัวลงในเดือนธ.ค. รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการภาคธนาคารที่น่าผิดหวัง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค. เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 201.81 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 35,911.81 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 0.08% ปิดที่ 4,662.85 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 0.59% ปิดที่ 14,893.75 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.9% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัวในเดือนดังกล่าว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.
ยอดค้าปลีกที่ดิ่งลงในเดือนธ.ค. ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19, การขาดแคลนสินค้า รวมทั้งราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของผู้บริโภค
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ร่วงลง 3.1% ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย.
ราคาหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลงกว่า 3% หลังธนาคารเปิดเผยกำไรดิ่งลงอย่างหนักในไตรมาส 4/64 อันเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ กำไรของธนาคารยังถูกกระทบจาก "ผลกระทบก่อนหักภาษี" ราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ จากการขายธุรกิจลูกค้ารายย่อยในเอเชีย
อย่างไรก็ดี ซิตี้กรุ๊ปมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจที่แข็งแกร่ง
ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิลดลง 26% สู่ระดับ 3.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.46 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/64 จากระดับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.92 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/63
ทั้งนี้ หากไม่รวมผลกระทบจากการขายธุรกิจลูกค้ารายย่อยในเอเชีย ธนาคารมีกำไร 1.99 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 1.70 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.675 หมื่นล้านดอลลาร์
เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และนางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์