ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 99จุดหลังช่วงเปิดตลาดดิ่งกว่า 1,000 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์ (24ม.ค.)พลิกกลับมาบวก 99 จุด หลังจากช่วงเปิดตลาดทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 99.13 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 34,364.50 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปรับตัวขึ้น 0.3% ปิดที่ 4,410.13 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 13,855.13 จุด
ทั้งนี้ สหรัฐและอังกฤษได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทูตรวมทั้งครอบครัวเร่งอพยพออกจากยูเครน ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศเสริมกำลังทหารทั้งทางบก ทะเล และทางอากาศตามพรมแดนฝั่งตะวันออก เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่รัสเซียอาจทำการโจมตียูเครนในไม่ช้า
ด้านรัสเซียตรึงกำลังทหารเกือบ 100,000 นายประชิดชายแดนยูเครน ขณะที่การเจรจาระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกยังคงไม่มีความคืบหน้า
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในวันนี้
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 57.0 ในเดือนธ.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ร่วงลงสู่ระดับ -0.15 ในเดือนธ.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.25 จากระดับ +0.44 ในเดือนพ.ย.
ดัชนีได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของการผลิตในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการชะลอตัวของการบริโภคและตลาดอสังหาริมทรัพย์
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค. หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และนางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) พร้อมกับคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
ด้านโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ไมโครซอฟท์, เทสลา และ แอ๊ปเปิ้ล