อียูคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันเมียนมา เหตุเอื้อประโยชน์ให้คณะรัฐประหาร
สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับคณะรัฐประหารของเมียนมา โดยเล็งเป้าหมายหลักไปที่บริษัท Myanma Oil and Gas Enterprise (MOGE)
สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับคณะรัฐประหารของเมียนมา โดยเล็งเป้าหมายหลักไปที่บริษัทเมียนมา ออยล์ แอนด์ แก๊ส (Myanma Oil and Gas Enterprise) หรือเอ็มโอจีอี ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของคณะรัฐประหารเมียนมาในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา หลังกองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564
คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้จะใช้กับบุคคล 22 คน ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของเมียนมา นอกจากนี้ยังมีองค์กร 4 แห่ง รวมถึงเอ็มโอจีอี ซึ่งเป็นฝ่ายจัดหาทรัพยากรจำนวนมากให้กับคณะรัฐประหาร
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของเมียนมาเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากนานาชาติในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมนี้เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญที่สุดของคณะรัฐประหารเมียนมา ทั้งยังเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากผลิตภัณฑ์น้ำมันทั้งหมดของเมียนมากำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เอ็มโอจีอี เป็นฝ่ายบริหารและกำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยควบคุมการสำรวจแหล่งน้ำมันและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
นอกจากนี้ เอ็มโอจีอี ยังเป็นองค์กรที่ออกใบอนุญาตและจัดเก็บภาษีจากบริษัทเอกชนที่ได้ตกลงร่วมผลิตหรือร่วมทุนในอุตสาหกรรมนี้ด้วย
"เอ็มโอจีอี อยู่ภายใต้การควบคุมและเป็นแหล่งรายได้ของกองทัพเมียนมา ซึ่งได้ช่วยให้กองทัพเมียนมากระทำการอันบ่อนทำลายประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมในประเทศต่อไปได้" แถลงการณ์ของอียู ระบุ
การประกาศคว่ำบาตรครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากเมื่อเดือนที่ผ่านมาบริษัทโททาลและบริษัทเชฟรอนประกาศว่าจะถอนธุรกิจออกจากเมียนมา เพื่อเป็นการประท้วงต่อคณะรัฐประหารที่ยังคงใช้ความรุนแรงกับประชาชนเมียนมา