ทหารรัสเซียอ่อนกำลังเหตุขาดเชื้อเพลิง-อาหาร
อังกฤษและสหรัฐเผยสาเหตุที่ทหารรัสเซียรุกคืบสู่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนได้ช้า เพราะทหารขาดแคลนทั้งอาหารและเชื้อเพลิง และเสียขวัญกำลังใจ
ข่าวกรองของกองทัพอังกฤษเผยให้เห็นว่า ขบวนรถทหารของรัสเซียยาวหลายกม. เคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนจากทางทิศเหนือได้ช้ามากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยขณะนี้ยังอยู่ห่างจากกกรุงเคียฟกว่า 30 กม. โดยเป็นผลมาจากการต่อต้านอย่างหนักจากกองทัพยูเครน ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ การสัญจร
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐบอกด้วยว่า การเคลื่อนพลของกองทัพรัสเซียสู่กรุงเคียฟหยุดชะงักเพราะขาดแคลนทั้งเชื้อเพลิงและอาหาร และทหารบางนายหมดกำลังใจ
ภาพถ่ายและวิดีโอ ที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นว่า รถถังและยานพาหนะอื่นๆของกองทัพรัสเซียถูกจอดทิ้งอยู่ข้างถนน บางคันก็ไม่มีน้ำมันเหลืออยู่
นอกจากนี้ มีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า ทหารหนุ่มชาวรัสเซียนายหนึ่งตกเป็นเชลยและได้รับการดูแลจากกลุ่มผู้หญิงชาวยูเครน หลังจากพวกเขาโยนอาวุธทิ้ง ในคลิปจะเห็นเขาดื่มชา กินอาหารและร่ำไห้ขณะคุยกับแม่ทางโทรศัพท์ที่ชาวบ้านยื่นให้ และคลิปที่สะเทือนใจนี้ถูกแชร์ในทวิตเตอร์ พร้อมแคปชั่นว่า "ทหารรัสเซีย, ยอมแพ้, ประชาชนยูเครนจะให้อาหารคุณ ขอแค่ยอมแพ้"
ขณะเดียวกัน ยังคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า ทหารรัสเซียที่ถูกจับได้พากันร้องไห้ และอ้างว่า พวกเขาไม่รู้ว่าถูกส่งไปรบที่ยูเครน แต่รัสเซียยังยกระดับการโจมตีหลายเมืองอย่างหนักหน่วง โดยมีเสียงระเบิดดังสนั่นอย่างน้อย 4 ครั้งในกรุงเคียฟตั้งแต่เช้ามืดของวันพฤหัสบดี(3มี.ค.)
นอกจากนี้ เมืองท่ามาริอูโปล รองนายกเทศมนตรีอ้างว่า อาจมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายหลังถูกยิงถล่มด้วยปืนใหญ่หลายชั่วโมง และนายกเทศมนตรีบอกด้วยว่า ไม่อาจนำผู้บาดเจ็บออกจากถนน หรือ อพาร์เมนต์ได้เลยเพราะไม่มีจังหวะหยุดยิงเลย และผู้บัญชาการทหารของกบฏแบ่งแยกดินแดนในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ ขู่จะพุ่งเป้าโจมตีเมืองนี้ หากทหารยูเครนไม่ยอมจำนน
ทั้งรัสเซียและกบฏอ้างว่าสามารถปิดล้อมเมืองมาริอูโปล ที่อยู่ในแถบชายฝั่งทะเลอาซอฟไว้ได้แล้ว และทหารรัสเซียแจ้งให้พลเรือนออกจากเมืองผ่านเส้นทางปลอดภัย
ขณะที่กองทัพรัสเซีย เผยยอดความสูญเสียเป็นครั้งแรกจากปฏิบัติการทางทหารนาน 7 วันจนถึงเมื่อวานนี้ว่า มีทหารเสียชีวิต 498 นาย และบาดเจ็บ 1,597 นาย รวมทั้งบอกด้วยว่า มีทหารยูเครนเสียชีวิต 2,870 นายและบาดเจ็บราว 3,700 นายและถูกจับเป็นเชลย 572 นาย