ทั่วโลกประท้วงสงครามจี้รัสเซียหยุดรุกรานยูเครน

ทั่วโลกประท้วงสงครามจี้รัสเซียหยุดรุกรานยูเครน

ชาวยูเครนและชาวต่างชาติหลายหมื่นคนทั่วโลกร่วมเดินขบวนประท้วงต่อต้านสงครามในยูเครน ขณะชาวอเมริกัน 3,000 คนตอบรับร่วมสู้รบกับกองทัพยูเครน ต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย

ผู้ประท้วงหลายพันคน รวมถึงชาวยูเครน ชุมนุมบริเวณจตุรัสกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันเสาร์(5มี.ค.)เพื่อร่วมให้กำลังใจชาวยูเครนและต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย หลายคนโบธงชาติยูเครนและถือป้ายประท้วงที่มีข้อความต้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย และบางคนตะโกนว่า “ปูติน ฆาตกร”  

ในจำนวนนี้ หลายคนร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้นานาชาติกำหนดเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้ายูเครนเพื่อหยุดยั้งการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย

นอกจากนี้ มีผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง ที่รวมถึงชาวยูเครน รวมตัวในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเพื่อต่อต้านผู้นำรัสเซีย และเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

ทั้งยังมีผู้แทนจากโบถส์คริสต์หลายแห่งร่วมประท้วง และสวดมนต์ขอให้เกิดสันติภาพ

ขณะที่ผู้ประท้วงประมาณ 2,000 คนยืนจับมือเป็นโซ่มนุษย์เป็นแถวยาว 4.4 กม.ไปตามท้องถนนในเมืองมิวนิคประเทศเยอรมนีเพื่อเรียกร้องสันติภาพ แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับชาวยูเครน และร่วมลงชื่อเรียกร้องให้นำตัวประธานาธิบดีปูตินขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ มีชาวอิสราเอล ชาวยูเครน และชาวรัสเซีย ร่วมชุมนุมในนครเทลอาวีฟประเทศอิสราเอลเพื่อต่อต้านปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน และเรียกร้องให้ปูตินยุติสงคราม

อิสราเอล เป็นชาติพันธมิตรใกล้ชิดกับรัสเซีย แต่ก็ประณามการโจมตียูเครน และเสนอตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่างคู่สงครามด้วย

ส่วนชาวชิลี และชาวยูเครนเดินขบวนตามท้องถนนในกรุงซานติอาโกของชิลี และรวมตัวบริเวณด้านนอกสถานทูตรัสเซียโดยผู้ประท้วงถือป้ายที่มีข้อความว่า “ยุติสงคราม” และตะโกนเรียกร้องให้โลกปลอดจากสงคราม

ขณะที่ที่เมืองซูมี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนมีนักศึกษาต่างชาติติดค้างอย่างน้อย 1,700 คน ขณะที่กองทัพรัสเซียยังคงยิงปืนใหญ่ถล่มเมืองนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองแรก ๆ ที่รัสเซียบุกโจมตี

กระทรวงต่างประเทศอินเดีย ยืนยันว่า มีนักศึกษาชาวอินเดียเกือบ 700 คนไม่สามารถอพยพออกจากเมืองซูมีได้เพราะยังมีการโจมตีอย่างหนักจากกองทัพรัสเซีย และเรียกร้องให้ยูเครนและรัสเซียหยุดยิงในเมืองซูมีเพื่อให้สามารถอพยพนักศึกษาออกจากพื้นที่สู้รบ

นักศึกษาชายชาวอินเดียคนหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ร้องขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี และรัฐบาล โดยเล่าว่าการออกจากหอพักของมหาวิทยาลัยเป็นไปได้ยากเพราะมีสไนเปอร์อยู่ข้างนอกเต็มไปหมด ทุก 30 นาที-1 ชม.จะได้ยินเสียงยิงปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ และด้านนอกยังอากาศหนาวมากมีอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส พร้อมทั้งบอกว่า “พวกเรากลัวว่าจะตายที่นี่ เราจะตายหากออกไป โปรดช่วยเราด้วย”

นอกจากนี้ นักศึกษาหญิงอีกคนที่โพสต์คลิปในวันเดียวกัน เล่าว่า ทั้งเมืองไม่มีน้ำใช้มานาน 3 วันแล้วทำให้ต้องละลายหิมะเพื่อใช้ดื่มและปรุงอาหาร
เมืองซูมี อยู่ห่างจากพรมแดนรัสเซีย 48 กม.และเป็นหนึ่งในเมืองแรก ๆ ที่ถูกโจมตีจากกองทัพรัสเซีย หลังประธานาธิบดี ปูตินสั่งใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. การสู้รบส่วนใหญ่อยู่แถบชานเมือง แต่มีความวิตกว่าทหารอาจรุกคืบเข้าสู่ตัวเมืองในไม่ช้า

นอกจากนักศึกษาชาวอินเดียแล้ว ยังมีนักศึกษาชาวไนจีเรียอีกเกือบ 400 คนในเมืองซูมี เป็นนักศึกษาต่างชาติกลุ่มใหญ่อันดับ 2 ในเมืองนี้รองจากอินเดีย และยังมีนักศึกษาจากกานา, รวันดา, เติร์กเมนิสถาน, จอร์แดน และปาเลสไตน์

ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักศึกษาอินเดียมากกว่า 10,000 คนอพยพออกจากยูเครน รวมถึงจากเมืองคาร์คีฟ โดยก่อนเกิดการสู้รบ มีนักศึกษาอินเดียมากถึงเกือบ 1 ใน 4 หรือมากที่สุดจากจำนวนนักศึกษาชาวต่างชาติราว 76,000 คนในยูเครน

ด้านวอยซ์ออฟอเมริกา รายงานอ้างการเปิดเผยของตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตยูเครน ประจำสหรัฐเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ว่า มีชาวอเมริกันราว 3,000 คนที่ตอบรับร่วมเป็นอาสาสมัครเพื่อสู้รบกับกองทัพยูเครน ต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย

รายงานระบุด้วยว่า ยังมีอาสาสมัครอีกจากหลายประเทศส่วนใหญ่เป็นทหารอาสาจากประเทศอดีตสหภาพโซเวียตอย่างจอร์เจียและเบลารุส

สถานเอกอัครราชทูตยูเครนทั่วโลกประกาศรับสมัครอาสาสมัครเพื่อเข้าร่วมรบในประเทศยูเครน เพื่อสู้รบกับกองทัพรัสเซียที่รุกรานเข้าสู่ประเทศ

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนประกาศตั้ง “กองทหารนานาชาติ” สำหรับบรรดาทหารอาสาจากทั่วโลกเพื่อช่วยรบในสงครามครั้งนี้