WHO ตามติดโอมิครอน BA.4 BA.5 กระจายทั่วยุโรป-แอฟริกา
องค์การอนามัยโลกแถลง โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 กำลังหมุนเวียนระดับต่ำในหลายประเทศแถบแอฟริกาตอนใต้และยุโรป
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงาน มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคโควิด-19 องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) ตามเวลาเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ทั้งสองสายพันธุ์ซึ่งติดต่อได้ง่าย ตรวจพบในบอตสวานา, แอฟริกาใต้ เยอรมนี และเดนมาร์ก รวมถึงประเทศอื่นๆ แต่จนถึงขณะนี้ดูเหมือน BA.4 และ BA.5 ไม่ได้ติดต่อง่ายหรือทำให้เสียชีวิตมากกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นจึงจำเป็นต้องรักษาระบบตรวจสอบจีโนมไว้ให้แข็งแกร่ง เป็นระบบที่เปิดให้นานาประเทศติดตามและวิเคราะห์สายพันธุ์ย่อยทั้งสองรวมถึงโอมิครอนสายพันธุ์ก่อนหน้า
“ตอนนี้ยังเพิ่งเริ่มต้น สิ่งที่เราต้องมั่นใจคือเรามีความสามารถในการติดตาม แบ่งปันข้อมูล วิเคราะห์ เพื่อตอบคำถามได้อย่างรวดเร็ว” แวน เคอร์คอฟกล่าว ความเห็นของเธอเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจาก WHO แถลงว่า กำลังติดตามผู้ติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 จำนวนหนึ่ง เพิ่มเติมจากสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนที่เจอก่อนหน้า เช่น BA.1, BA.2, BA.3 และ BA.1.1.
ทั้งยังเกิดขึ้นหลังจากสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่ติดต่อได้ง่ายขึ้น กระจายมากในหลายพื้นที่ของโลก กระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อระลอกใหม่ จากที่เคยเพิ่มมากจาก BA.1 ช่วงฤดูหนาว ตอนนี้ BA.2 กลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลกแล้ว
ในสหรัฐ ขอมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) เผยว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 85% เป็นสายพันธุ์ BA.2 ยิ่งภาคตะวันออกเฉียงหนือของสหรัฐยิ่งพบมากถึง 92%
ส่วนสายพันธุ์ย่อย XE ก็หมุนเวียนระดับต่ำในบางประเทศ XE เป็นสายพันธุ์ผสมเกิดขึ้นเมื่อติดเชื้อโควิดมากกว่าหนึ่งสายพันธุ์เชื้อจึงผสมกันเป็นสายพันธุ์ใหม่ กรณี XE เคอร์คอฟกล่าวว่า เป็นการผสมกันระหว่างโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 กับ BA.2 ที่ใหม่กว่าซึ่งความรุนแรงไม่ได้เปลี่ยนแปลง หมายความว่าไม่ได้ทำให้เสียชีวิตมากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า
ผู้ติดเชื้อ XE ยืนยันแล้วนับย้อนไปได้เร็วสุดวันที่ 19 ม.ค. และพบในประเทศสหราชอาณาจักร ไทย อินเดีย อิสราเอล ล่าสุดที่ญี่ปุ่น สหรัฐยังไม่รายงานพบผู้ติดเชื้อ XE