นิสสัน Almera VL Sportech สปอร์ตก็ได้ ประหยัดก็ดี ทางเลือกยุคน้ำมันแพง
ยุคน้ำมันราคาแพง และไม่มีทีท่าว่าจะลงง่ายๆ หลายคนเริ่มมองหาวิธีการประหยัด ทั้งการดัดแปลงรถให้ใช้เชื้อเพลิงที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย บ้างก็มองหารถคันใหม่ที่ประหยัดเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นรถพลังงานร่วมอย่างพวกไฮบริด ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ไปจนถึงรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV
การมองหาทางเลือกรถเพื่อประหยัดพลังงาน แต่ละคนก็อาจมีความพร้อมหรือข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป บางคนก็อยากได้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) แต่ก็อาจจะติดขัดเรื่องความสะดวกในการใช้งาน หรือ ราคา เช่นเดียวกับไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริด
แต่จริงๆ แล้ว รถในท้องตลาดที่พอจะผ่อนหนักเป็นเบาได้กับค่าใช้จ่ายในด้านพลังงาน โดยที่ค่าตัวรถไม่เป็นภาระมากเกินไปก็มีอยู่หลายรุ่นหลายยี่ห้อ อย่างเช่นรถในกลุ่ม “อีโค คาร์”
วันนี้ผมนำ นิสสัน อัลเมร่า (Nissan Almera) ที่ลองใช้งานมาฝากกัน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง น่าใช้มากน้อยแค่ไหน
ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดของ อัลเมร่า นั้น นิสสันเติมความสดใหม่เข้าไปเล็กน้อยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเรียกว่าเป็นโมเดลปี 2022 เน้นมุมมองสปอร์ต กันชนหน้าใหม่ ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน ล้ออัลลอย 15 นิ้ว ออกแบบใหม่ กันชนหลังใหม่ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน
ภาพรวมของรถออกแบบให้เป็นสีทูโทน อย่างเช่นรุ่น VL Sportech ที่อยู่กับผม ตัวถังขาว หลังคาสีดำเงา และที่เสา A/B/C ก็ใช้วัสดุสีดำเงาล้อไปกับสีหลังคา เช่นเดียวกับ กระจกมองข้าง และสปอยเลอร์ ที่เป็นสีดำเงาเช่นกัน ซึ่งผมว่าก็ดูดีนะ วัสดุสีดำเงาดูสปอร์ต ดูหรูหรามากขึ้น
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงน่าสนใจคือ เบาะนั่งที่เป็นแบบ QUOLE MODURE (โคเล่ โมดูเร่) ซึ่งนิสสัน ระบุว่าป็นเบาะที่ไม่สะสมความร้อน ทำให้นั่งได้สบายขึ้น
ซึ่งช่วงสามสี่วันที่ผมนำรถมาลอง ก็รู้สึกว่ามันลดความร้อนได้พอควร ถามว่ามันเย็นเลยไหมเมื่อจอดกลางแจ้ง ก็คงไม่มีทาง และไม่น่าจะมีวัสดุอะไรทำได้ แต่ว่ามันลดความร้อนสะสมลงแบบรู้สึกได้ เมื่อจอดรถไว้นานๆ พอขึ้นไปนั่งก็สามารถนั่งได้ปกติ ความร้อนที่มีไม่ถึงกับทำให้ต้องแอ่นหลังหนี และก็ไม่จำเป็นต้องสตาร์ทเครื่องก่อน เปิดแอร์ แล้วรีบลงจากรถมาตั้งหลักสักพัก ตรงนี้ผมว่าดี
อัลเมร่า ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ DOHC ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตรที่ 2,400-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ XTRONIC CVT
กำลังเครื่องยนต์รองรับการใช้งานได้สบายๆ ตอบสนองดีไม่ว่าจะเป็นการออกตัว จังหวะการเร่งแซง ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเร็วระดับกลางๆ 60-80 หรือ อยู่ในช่วงความเร็วสูงเมื่อต้องการเพิ่มความเร็วก็ทำได้กระฉับกระเฉง ไม่ว่าจะเป็นบนถนนทั่วไป ทางหลวงระหว่างเมือง หรือเส้นทางที่มีโค้งมีเนินอย่างเส้นทางสายมวกเหล็ก-เขาใหญ่
ส่วนการทำความเร็วระดับ 120 หรือมากกว่านั้นสักหน่อยก็ทำได้ไม่มีปัญหาอะไร
ช่วงล่างด้านหน้า เป็นแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลัง เป็นแบบ ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็กกันโคลงทำงานได้ดี การขับขี่ทั่วไปรถนิ่ง คุมรถได้ง่ายๆ ขณะที่การขับในเส้นทางมวกเหล็ก-เขาใหญ่ที่เป็นทางเล็กๆ 2 เลนสวนทาง มีทางเนิน ทางโค้งตลอดทาง ปรากฏว่าขับได้สนุกเลยครับ การเกาะถนนดี การทรงตัวดี ความคล่องแคล่วในการควบคุมรถผ่านโค้งไปมา รวมถึงอัตราเร่งที่ดีทำให้ออกจากโค้งได้เร็วและสนุก
แม้ว่าช่วงแรกๆ ที่เติมความเร็วมากๆ อาจจะรู้สึกว่ามีอาการโอเวอร์สเตียร์เล็กน้อย แต่พอเริ่มคุ้นเคย จับจังหวะจับอารมณ์ได้ กลายเป็นว่า อัลเมร่า กลายเป็นรถที่ขับได้สนุกคันหนึ่งในเส้นทางแบบนี้เลยขับ เข้า-ออกโค้ง ได้รวดเร็ว และนุ่มนวล
เรียกว่า อารมณ์สปอร์ต ก็หาได้จาก อีโค คาร์ เช่นกัน
และที่เด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีเลยทีเดียวสำหรับรถในตลาดนี้ ค่อนข้างเงียบน่าพอใจ เสียงเล็ดลอดเข้ามามีน้อย ทั้งเสียงยาง เสียงลม หรือว่าเสียงเครื่องยนต์ ขณะที่เครื่องเสียงให้คุณภาพเสียงในเกณฑ์ที่ดี อาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ดีครับ
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองที่น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายคนสนใจ จากการลองใช้งานจริง ทั้งใช้งานในกรุงเทพฯ ที่จราจรหนาแน่น การออกต่างจังหวัด การขับขี่ในเส้นทางเนินทางโค้ง ด้วยความเร็วพอควร รวมแล้วกว่า 500 กม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 16 กม./ลิตร
น่าสนใจทีเดียวครับ
นิสสัน อัลเมร่า วีแอล สปอร์ตเทค ให้ออปชั่นไม่น้อยทีเดียว เช่น
ไฟหน้าแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ กระจกมองข้างไฟฟ้าปรับพับอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
ระบบอินโฟเทนเมนต์ NissanConnect รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto จอมอนิเตอร์แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX-IN ระบบนำทาง (Navigation System) ผ่าน Google Map ระบบสั่งงานด้วยเสียง
ด้านความปลอดภัยมีเทคโนโลยี 360° SAFETY SHIELD เช่น ระบลช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉิน ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน ทำงานโดยกล้องสี่ตัว ติดตั้งที่ด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้าง
ถุงลม 6 ตำแหน่ง คือ คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง
เรียกว่าให้มาไม่น้อย สำหรับรถที่มีราคาค่าตัวสำหรับต้วท็อปสุดคันนี้ 669,000 บาท
เมื่อรวมกับสมรรถนะในการขับขี่ ความกว้างขวางของห้องโดยสาร ที่นั่ง 4 คน สบายๆ 5 คนก็ได้ และความประหยัด ผมว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีในยุคนี้ครับ