ไฟแนนซ์เข้ม ฉุด ‘อีวี’ เนต้า ลุยขาย 3 รุ่นปีหน้า ลุ้น เปิด Neta S - GT
“เนต้า” มองตลาดอีวี ชะลอตัว รับกำลังซื้อหดตัว ไฟแนนซ์เข้ม จับตารอยต่อต้นปี 67 หลังหมดมาตรการส่งเสริมอีวีรถนำเข้าเกิดสุญญากาศ ส่งผลบางค่ายหยุดรับจอง หวังรัฐดัน “อีวี 3.5” ต่อ เตรียมเสริมรถใหม่สู้ศึก ปีหน้า รวม 3 รุ่น
เนต้า เริ่มต้นเข้ามาทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ด้วย “Neta V” เมื่อเดือน ส.ค.2565 ราคาหลังได้รับส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมอีวี ระยะเร่งด่วนจากภาครัฐ อยู่ที่ 5.49 แสนบาท
แต่การส่งมอบรถเริ่มต้นช่วงเดือน ธ.ค. และถืงวันนี้เนต้าส่งมอบรถได้แล้วประมาณ 1 หมื่นคัน และหากนับเฉพาะปีนี้อยู่ที่ประมาณ 7,000 คัน อยู่ในอันดับที่ 2 ของตลาด รองจาก บีวายดี ถือเป็น อีวี อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับการตอบรับที่ดี
Neta V มีจุดขาย คือ เป็นรถที่มีระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แบบ ซิตี้ อีวี ได้คล่องตัว และยังสามารถเดินทางไกลได้บ้าง ด้วยระยะทางพอประมาณต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และสามารถชาร์จแบบเร่งด่วน หรือ DC ได้
อย่างไรก็ตามสถานการณ์อีวี ในช่วงนี้ดูไม่ค่อยสดใส่นัก จากตลาดที่ดูจะซึมๆ ในหลายๆยี่ห้อ และยังนำไปสู่การเพิ่มความเข้มข้นในการแข่งขัน ทั้งการปรับลดราคาโดยตรง ลดราคาสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม หรือ ทางอ้อม เช่น การช่วยผ่อน การมีแคมเปญพิเศษต่างๆ เป็นต้น
อเล็กซ์ เป่า จ้าวเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ระบุว่า ตลาดอีวีที่ชะลอตัวลงในขณะนี้มาจากหลายสาเหตุ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ
แต่ในมุมของกลุ่มลูกค้า เช่น ลูกค้าเนต้า วี นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงการเปิดตัวแรกๆ ลูกค้าที่เข้ามาคือกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมซื้อรถทันที และต้องการรถทันที
ขณะที่ลูกค้าในปัจจุบันมีผสมกันทั้งกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่ม ที่ต้องการอีวี แต่อาจมีกำลังซื้อไม่สูงนัก เมื่อรวมกับภาวะปัจจุบันที่สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อยานยนต์ทั้งระบบ ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น จากเคยอยู่ในอัตรา 5-10% ก็เพิ่มเป็น 20% โดยเฉพาะกลุ่มอีโค คาร์ ที่ต้องการมาซื้ออีวี มีอัตราสูง 30-40%
อย่างไรก็เชื่อว่าในระยะยาว อีวี จะยังคงได้รับการยอมรับละเติบโต เป็นไปตามเทรนด์ทั้งในไทย และตลาดโลก ส่วนสถานการณ์ที่ยุ่งยากเช่นนี้ คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก็มีแผนกระตุ้นตลาดผ่านแคมเปญ ที่จะเสริมเข้ามา เช่น
การแถมบัตรกำนัลบิ๊กซี มูลค่า 1 หมื่นบาท แถมชุดแต่ง แอโร คิท มูลค่า 1.5 หมื่นบาท หลังจากเห็นว่าที่ผ่านมาลูกค้ากว่า 50% นิยมแต่งรถ แต่จะไม่ลงไปเล่นสงครามราคาโดยตรง
นอกจากปัญหาในปัจจุบัน เอล็กซ์ ระบุว่า ยังมีอีก 1 เรื่องใหญ่สำหรับอีวี คือ มาตรการส่งเสริมการใช้งานอีวีระยะเร่งด่วน ตามมาตรการ “อีวี 3.0” ที่จะหมดลงช่วงสิ้นปีนี้ สำหรับรถนำเข้า (CBU) ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะสุญญากาศในช่วงปีหน้าสำหรับบริษัทที่ร่วมโครงการ แต่ยังไม่สามารถประกอบรถในประเทศ (CKD) ได้ทันที
เช่น เนต้า ที่ร่วมมือกับ บางชันฯ คาดว่าจะเริ่มต้นประกอบต้นเดือนมี.ค.ทำให้ไม่มีรถทำตลาด 2 เดือน ซึ่งส่งผลกระทบแน่ โดยเฉพาะกับตัวแทนจำหน่าย
“ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และช่วงนี้เริ่มได้ข่าวว่ามีบางบริษัทที่หยุดรับจองแล้ว เพราะกลัวว่าจะส่งมอบและจดทะเบียนไม่ทันสิ้นปี 2566”
ดังนั้นจึงหวังว่าภาครัฐจะมีมาตรการส่งเสริมต่อเนื่อง เข่น มาตรการ “อีวี 3.5” ที่ภาครัฐมีแนวคิดอยู่ในขณะนี้ แม้การส่งเสริมจะน้อยกว่า เช่น จากสนับสนุนคันละ 1.5 แสนบาท ลดเหลือ 1 แสนบาท และการผลิตคืนจาก 1-1.5 เท่า เป็น 2-3 เท่า ก็ยังเป็นแนวทางที่รับได้ ดีกว่าเกิดภาวะสุญญากาศ
“อีวี 3.5 จะไม่ได้มีประโยชน์แค่รถที่ทำตลาดอยู่แล้ว แต่ยังช่วยให้บริษัทที่มีแผนเปิดตัวรถใหม่ ต่อยอดได้ รวมถึงรายใหม่ที่ยังไม่ได้ทำตลาด ก็สามารถใข้สิทธินี้ในการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดในอนาคต”
นอกจากนี้ยังเกี่ยวเนื่องกับความพร้อมในการประกอบ อีวี ในประเทศ ตามมาตรการส่งเสริมที่หลายอย่างยังไม่พร้อม โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญเช่น มอเตอร์ หรือแบตเตอรีที่ยังหาไม่ได้ในไทย จึงต้องการให้รัฐดึงการลงทุนเข้ามา และยืดเวลามาตรการส่งเสริมออกไป เพื่อเตรียมความพร้อม
อเล็กซ์ กล่าวว่า สำหรับแผนการทำตลาดของเนต้าปี 2567 จะเสริมรถใหม่ เพื่อเพิ่มทางเลือกลูกค้า ทั้งการเปิดตัว Neta V รุ่น ปรับโฉม ที่เพิ่งเปิดตัวในจีนไปเมื่อไม่นานนี้ ในชื่อ AYA `
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัว รถในกลุ่มเอสยูวี ตลาดเดียวกับ Neta U Pro ที่บริษัทเคยมีแผนทำตลาดก่อนหน้านี้ แต่ชะลอแผนออกไป เพราะบริษัทอยู่ระหว่างการเปลี่ยนโฉมใหม่ (New Model) และจะไม่ใช้ชื่อ Neta U Pro ส่วนอีก 1 รุ่น อยู่ระหว่างการตัดสินใจระหว่าง
- Neta S รถสปอร์ต ซีดาน 4 ประตู
- Neta GT รถคูเป้ 2 ประตู
แต่มีความเป็นไปได้ ที่ Neta GT จะได้รับการคัดเลือกให้เจาะตลาดประเทศไทยก่อน