ปอร์เช่ ฉลองโรงงานไลพ์ซิก ผลิตรถ 2 ล้านคัน
ปอร์เช่ ฉลองการผลิตครบ 2 ล้านคัน โรงงาน ปอร์เช่ แซกโซนี (Porsche Saxony) เมืองไลพ์ซิก เยอรมนี วางแผนอนาคตเปิดการผลิต 3 เทคโนโลยีขับเคลื่อนในสายพานเดียวกัน
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เมื่อปอร์เช่ ประกาศแผนการผลิตรถยนต์นั่ง 4 ประตูเป็นครั้งแรกกับรุ่น “พานาเมร่า” (Panamera) ทำเอาสาวกสอร์ตคาร์จากเยอรมนีเกิดคำถามมากมายถึงทิศทางของปอร์เช่ และการเดิมพันกับ พานาเมร่า ว่าจะเป็นก้าวใหม่ หรือความล้มเหลว แต่ถึงวันนี้คงได้คำตอบแล้วถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สิ่งที่ควบคู่มากับพานาเมร่า คือ การขยายโรงงานผลิตที่เมืองไลพ์ซิก และการผลิตพานาเมร่าก็เริ่มต้นที่โรงงาน ปอร์เช่ แซกโซนี (Porsche Saxony) แห่งนี้เมื่อปี 2552
เกิร์ด รุปป์ (Gerd Rupp) ประธานคณะกรรมการบริหาร ปอร์เช่ ไลพ์ซิก เอจี (Porsche Leipzig AG) กล่าวว่า ความสำเร็จของโรงงานในเมืองไลพ์ซิก ได้เริ่มต้นขึ้นมาจากพานาเมร่าที่ผลิตขึ้นและพ่นสีภายในโดยโฟคสวาเก้น กรุ๊ป (Volkswagen Group)
โรงงานประกอบดังกล่าวเปิดดำเนินการครั้งแรกในปี 2545 ก่อนขยายเป็นโรงงานเต็มรูปแบบ สิ่งนี้ทำให้พานาเมร่ากลายเป็น ‘ไลพ์ซิเกอร์ที่แท้จริง’ (true Leipziger)
จากนั้นปี 2546 ก็ขยายโรงงานผลิตตัวถังและพ่นสีแห่งแรกที่นี่ และปี 2559 การผลิตพานาเมร่า เจเนอเรชันที่ 2 ได้เริ่มขึ้น
“การขยายโรงงานทั้งโรงงานถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ การเป็นโรงงานเต็มรูปแบบ เราได้ดำเนินการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่การสร้างตัวถังไปจนถึงการประกอบขั้นสุดท้าย ซึ่งนี่ถือเป็นการวางรากฐานสำหรับโครงการรถยนต์ใหม่ๆ ที่ทำให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
รุปป์กล่าวว่า ปัจจุบันปอร์เช่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและช่วยเสริมสร้างงานหลักในภูมิภาคเยอรมนีตอนกลาง โดยโรงงานมีพนักงานมากกว่า 4,400 คน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงงานได้พัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางของความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตเป็นไปได้ที่จะมีการผลิตรถยนต์ทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด ในสายการผลิตเดียว
สำหรับโรงงานไลพ์ซิก เป็นโรงงานที่คว้ารางวัลหลายรางวัล รวมถึงได้รับการชื่นชมในฐานะ โรงงานอัจฉริยะ รวมถึงเป็นโรงงานที่ขูแนวคิด Zero Impact Factory นั่นคือกระบวนการผลิตที่ไม่ทิ้งผลเสียหรือผลกระทบใดๆ ทางนิเวศน์