ผิดบ้างก็ได้ ไม่เป็นไร
อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยปีนี้ ตกอยู่ในสภาพที่หนักหนาสาหัสเอาเรื่อง เพราะคาดการณ์กันว่ายอดจำหน่ายทั้งปี จะต่ำที่สุดในรอบ ๑๕ ปีทีเดียว
แน่นอนว่าปัญหาหลักๆ มาจากเรื่องหนี้สินภาคครัวเรือน หรือพูดแบบชาวบ้านก็คือประชาชนเป็นหนี้ส่วนตัวกันมาก ทำให้สถาบันการเงินและธนาคาร ไม่ยอมให้สินเชื่อมาซื้อรถยนต์เงินผ่อน ซึ่งการจัดระดับคนที่เป็นหนี้แบบที่เรียกกันว่าแบล็กลิสต์นั้น สถาบันการเงินและธนาคารเขาคิดย้อนหลังกันไปหลายปี ทำให้คนที่มีหนี้สินค้างชำระ หรือผิดนัดการชำระหนี้ในช่วงเกิดเหตุการณ์ระบาดของไวรัสโควิด ต้องถูกขึ้นบัญชีดำว่า เป็นผู้มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่สม่ำเสมอไปด้วย
ปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่งก็คือ นโยบายที่ผิดพลาดของภาครัฐ เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้การอุดหนุนด้านภาษีคิดเป็นเงินคันละนับแสนบาท โดยไม่ได้ใช้ราคาจำหน่ายของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดประเทศแม่ของผู้ผลิตเป็นฐาน เพื่อนำมาคำนวณราคาขายในประเทศไทย ทำให้ผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนหลายราย นำรถยนต์ประกอบสำเร็จรูปเข้ามาแล้วตั้งราคาขายกันสูงสุดโต่ง แล้วมาลดราคาขายปลีกแข่งกันในเวลาต่อมา ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถเกิดการชะงักงัน หรือชะลอการตัดสินใจซื้อรถออกไปนานขึ้น
ภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่ไม่ส่งผลดีต่อธุรกิจรถยนต์ รวมทั้งไม่ส่งผลดีต่อผู้บริโภคชาวไทยด้วย เพราะการแข่งขันในรูปแบบของสงครามราคาดังกล่าว หากท้ายที่สุดมีผู้จำหน่ายรถยนต์บางราย ยอมถอนตัวไม่ลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย และยอมให้รัฐบาลไทยปรับเงินตามกติกาที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่ได้มากมายอะไรนัก เมื่อเทียบกับกำไรจากการขายรถที่ตั้งราคาเอาไว้สูงในครั้งแรกๆ ผู้บริโภคที่หลงไว้ใจซื้อรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ มาใช้งาน ก็จะตกที่นั่งลำบากกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะใช้รถยนต์ยี่ห้อนั้นต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ซ่อมบำรุง หรือหาอะไหล่จากไหนมาซ่อมแซม ครั้นจะตัดสินใจขายรถออกไป ก็ต้องพบกับภาวะขาดทุนมากมายจนยากที่จะรับได้
พูดถึงการดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์ ผมได้รับคำถามจากผู้อ่าน เกี่ยวกับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงผิดบ้าง บางท่านก็กังวลกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องผิดยี่ห้อ หรือเรื่องราวอื่นในทำนองที่คล้ายกัน หลายท่านเป็นกังวลจนถึงกับต้องนำรถไปให้ช่างทำการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไข จนเสียเงินในการแก้ไขเรื่องนั้นๆไปไม่ใช่น้อย วันนี้ผมจึงรวบรวมเอาข้อกังวลเหล่านั้นมาพูดคุยกันตรงนี้
เริ่มแรกกันที่การเติมหรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่องผิด เจ้าของรถยนต์จำนวนมากที่กังวลว่า เดิมรถยนต์ของตนเองเคยเติมน้ำมันเครื่องยี่ห้อนี้ พอเข้าไปใช้บริการจากศูนย์บริการเดิม สังเกตพบว่าศูนย์บริการเปลี่ยนยี่ห้อน้ำมันเครื่องมาให้ กรณีเช่นนี้ผมแนะนำว่าไม่ต้องไปคิดมาก ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องยี่ห้อที่มีมาตรฐาน จะใช้ยี่ห้อไหนก็ไม่ทำให้เครื่องยนต์เสียหาย หรือแม้แต่ในกรณีที่ใช้น้ำมันเครื่องยี่ห้อเดียวกัน หรือต่อให้ใช้น้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อกันออกไป แต่อาจจะต่างเบอร์หรือต่างค่าความหนืดกันไปบ้าง เช่นเคยใช้เบอร์ ๑๐ W ๓๐ แล้วต่อมาพบว่าช่างใช้เบอร์ ๕W ๓๐ โดยจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายขึ้นมา หรือแม้แต่ในกรณีที่เจ้าของรถเก็บน้ำมันเครื่องที่เหลือจากครั้งก่อนๆเอาไว้ โดยเป็นน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อกัน และ / หรือ ต่างเบอร์กันด้วย ก็สามารถนำมาใช้ร่วมกันเพื่อเป็นการแก้ขัดได้ ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์เช่นกัน
กรณีถัดมาเป็นเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิง ที่พบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับเจ้าของรถยนต์บ่อยมาก เริ่มจากปัญหาของการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงผิดจากเดิม เช่นเคยเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อยู่มาวันหนึ่งพบว่าเด็กปั๊มเติมน้ำมันเบนซิน อี ๒๐ ให้ ทั้งที่สมุดคู่มือประจำรถก็ระบุให้ใช้ได้แค่แก๊สโซฮอล์ กรณีเช่นนี้ก็ไม่ควรต้องกังวลมาก เพราะสามารถใช้รถยนต์ไปได้ตามปรกติ เมื่อน้ำมันพร่องลงไปจากถังแล้ว จึงเติมน้ำมันชนิดที่ถูกต้องเข้าไปแทนเท่านั้นเอง
ยกเว้นแต่เป็นกรณีที่เครื่องยนต์เบนซินแต่ไปเติมน้ำมันดีเซล หรือเครื่องยนต์ดีเซลแต่ไปเติมเบนซิน กรณีตัวอย่างหลังนี้ หากพบว่าเติมผิดแต่ยังไม่ทันได้ติดเครื่องยนต์ ก็สามารถถ่ายน้ำมันออกจากถัง, เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง แล้วก็ติดเครื่องยนต์ใช้งานต่อไปได้ แต่หากเป็นการเติมผิดแล้วใช้รถยนต์ต่อไปโดยไม่รู้ ซึ่งกว่าจะรู้เครื่องยนต์ก็แสดงอาการกระตุกหรือดับไปแล้ว กรณีเช่นนี้ต้องรีบนำรถไปหาช่างหรือเข้าศูนย์บริการทันที
ต่อมาเป็นเรื่องของการเติมน้ำยาหล่อเย็นผิดจากยี่ห้อที่เคยเติม หรือมีสีต่างไปจากที่เคยเติมมาก่อนหน้า กรณีเช่นนี้ถือว่าไม่มีผลเสียใดๆเกิดขึ้นต่อระบบหล่อเย็นอย่างแน่นอน จึงสามารถใช้รถยนต์ไปได้โดยไม่ต้องกังวล และที่พบมากขึ้นในปัจจุบันนี้ก็คือ เจ้าของรถยนต์ที่เติมลมยางด้วยลมไนโตรเจน และเมื่อเห็นว่าแรงดันลมในยางเส้นใดเส้นหนึ่งลดลง แต่ไม่สามารถหาไนโตรเจนมาเติมเข้าไปได้ และมีผู้แนะนำให้เติมลมธรรมดาจากสถานีบริการน้ำมันทั่วไป ทำให้เจ้าของรถยนต์เกิดความวิตกกังวลว่า ยางรถยนต์ของตนเองจะเสียหาย หรือจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้เมื่อใช้รถ
กรณีเช่นนี้ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไร เพราะสามารถเติมสลับไปมาได้ตลอด ระหว่างลมทั่วไปกับไนโตรเจน เพียงแต่จะทำให้การขยายตัวของลมภายในยาง หรือทำให้แรงดันลมยางเพิ่มขึ้น เมื่อใช้รถยนต์ด้วยความเร็วสูงๆ หรือเมื่อใช้รถยนต์ไปในระยะทางที่ยาวไกลออกไปเท่านั้นเอง
แต่สำหรับน้ำมันเบรกนั้นเป็นเรื่องจำเป็น ที่ไม่ควรเติมน้ำมันเบรกต่างยี่ห้อ หรือแม้แต่ต่างรุ่นลงไปในกระปุกอย่างเด็ดขาด เพราะส่วนผสมในน้ำมันเบรกที่ต่างกัน อาจจะทำให้ลูกยางแม่ปั๊มเบรกฉีกขาดขึ้นมาได้
และในกรณีของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติก็เช่นกัน ถ้าหากต้องเติมเพราะพบว่าน้ำมันเกียร์พร่องไป ก็ควรต้องเติมน้ำมันเกียร์ยี่ห้อและรุ่นเดิมเท่านั้น ในเกียร์แบบซีวีทีและเกียร์แบบเฟืองสบกัน ก็ต้องใช้น้ำมันเกียร์ให้ถูกชนิดด้วยเช่นกันครับ