สร้างเยาวชน “ดี เก่ง กล้า” เพื่อการสร้างชาติ
“การสร้างชาติ’ จะต้องเกิดมาจากความร่วมมือของประชาชนทั้งประเทศ และมีเป้าหมายในการนำประเทศให้ก้าวไปสู่ความเป็นอารยะ กล่าวคือ
ไม่ได้มุ่งแก้เพียงอาการของปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ต้องแก้ไปถึงรากของปัญหาที่อยู่เบื้องลึก”
ไม่ว่าเด็ก เยาวชน หรือผู้ใหญ่ ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างชาติได้ โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มคนสำคัญที่จะกลายเป็นกำลังหลักในอนาคตในการกำหนดทิศทางของประเทศชาติบ้านเมือง เป็นช่วงวัยที่มีพลัง มีมุมมองทัศนคติต่อประเทศและโลกที่เปิดกว้าง ก้าวทัน และว่องไวในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง เป็นทั้งผู้รับและผู้ดำเนินการพัฒนาประเทศในอนาคต
เมื่อวันที่ 15 – 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา สถาบันการสร้างชาติ (NBI) และนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ (นสช.) รุ่นที่ 2 ได้จัดค่ายเยาวชนสร้างชาติ (NBI – Youth Camp) รุ่นที่ 1 ณ ค่ายลูกเสือ จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีนักเรียนและนักศึกษาเข้าร่วมค่ายกว่า 300 คน
ผมได้บรรยายในประเด็น “ทำไมเยาวชนต้องสร้างชาติ” ซึ่งจะขอนำเสนอในบทความตอนนี้
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเยาวชนจำนวนมากที่สร้างการเปลี่ยนแปลงแก่โลกใบนี้ เช่น
ไรอันเฮอร์แจ็ค (Ryan Hreljac) จัดตั้งมูลนิธิ“Ryan’s Well Foundation” ขึ้น เพื่อระดมทุนสำหรับการขุดบ่อน้ำในหลายๆ พื้นที่ จนได้รับเลือกให้เป็น Global Youth Leader โดยองค์การยูนิเซฟ ซึ่ง ณ เวลานี้ มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนการขุดบ่อน้ำไปแล้วกว่า 740 บ่อ สร้างห้องน้ำกว่า 1 พันห้อง ในเกือบ 20 ประเทศทั่วโลก และช่วยเหลือผู้คนกว่า 1 ล้านชีวิต
ดีแลน มหาลินคัม (Dylan Mahalingam) ร่วมมือกับพี่สาวก่อตั้งLil’MDGs องค์กรระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างพลังแก่เยาวชน ขณะที่มีอายุ 9 ปี
ความโดดเด่นขององค์กรนี้คือการนำพลังของ“อินเทอร์เน็ต”มาสร้างประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะทำให้มีกำลังเยาวชนเข้าร่วมกว่า 3 ล้านคน และอาสาสมัครทั่วไปอีกกว่า 24,000 คน จาก 41 ประเทศทั่วโลก ส่งผลทำให้โครงการนี้ชนะเลิศรางวัล World Summit Youth Award ของสหประชาชาติในปี 2009
เกรกอรี่ อาร์ สมิธ (Gregory R. Smith) ‘อัจฉริยะผู้ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก’ เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ปี และได้ก่อตั้ง International Youth Advocate Foundation เป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพ และความเข้าอกเข้าใจในระหว่างเยาวชนทั่วโลก
นอกจากนี้ เขายังถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง
เครก คีลเบอร์เกอร์ (Craig Kielburger) ผู้ก่อตั้งองค์กร Free the Children เพื่อปกป้องสิทธิเด็ก ซึ่งเกิดจากการที่เขาได้อ่านบทความเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงต่อแรงงานเด็ก
องค์กรนี้มีกองทุนเพื่อเด็กขนาดใหญ่ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศยากจน เช่น เคนยา เอควาดอร์ อินเดีย นิคารากัว อาริโซนา-เม็กซิโก และจีน ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมกับองค์กรนี้ มากกว่า 650 โรงเรียนและได้ขยายเครือข่ายการดำเนินงานไปทั่วโลก
เพราะเหตุใดกลุ่มเยาวชนจึงนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ทั้งในชุมชน ในประเทศ ต่างประเทศ และทั่วโลก
ขณะที่บุคคลเหล่านี้ยังเป็นเยาวชน ทุกคนต่างมีอุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยการเข้าไปแก้ไขปัญหาตามความสนใจและความสามารถ เยาวชนกลุ่มนี้มีวิสัยทัศน์ระดับโลกและมีหัวใจแห่งความเมตตา กล่าวคือ เห็นแก่ผู้อื่นที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน และไม่ได้ขึ้นอยู่กับขอบเขตภูมิประเทศ
ผมได้วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งเสริมและทำให้เยาวชนเป็นแบบนี้ ได้แก่
ระบบการศึกษาและการให้ความรู้ โดยเฉพาะการเพิ่มเติมความรู้รอบตัวและสถานการณ์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเปิดโลกทัศน์ชีวทัศน์ให้เกิดเข้าใจ และเห็นภาพความเป็นจริงของโลกในปัจจุบันมากขึ้น
เมื่อความรู้ที่มีผนวกกับความสนใจ ยิ่งทำให้เกิดการขวนขวายศึกษาหาความรู้เพิ่มมากขึ้น หลักคิดและหลักการต่างๆ จะทยอยตามมา จนก่อเกิดกลายเป็นอุดมการณ์ภายในที่สุด
วัฒนธรรมและค่านิยมในครอบครัว สังคม เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้เกิดความกล้าลงมือทำ เพราะวัยเด็กและเยาวชน เป็นวัยที่ต้องการการสนับสนุน โดยเฉพาะจากคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนในหมู่บ้าน ญาติ พี่น้อง
หากครอบครัวหรือสังคมใดมีวัฒนธรรมการเห็นคุณค่าความเท่าเทียมในเพื่อนมนุษย์ หรือมีค่านิยมที่เห็นแก่ผู้อื่น ใจกว้างขวาง และนิยมส่งเสริมการทำดี ย่อมทำให้เกิดการสนับสนุนและแรงผลักดันที่แรงขึ้นจนเป็นรูปธรรม เช่น เยาวชนมีความกล้าในการชวนคนรอบข้างมาร่วมทำสิ่งดีร่วมกัน เป็นต้น
การได้รับสนับสนุนจากองค์กร หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินทุนสนับสนุนโครงการที่สร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม หรือการให้รางวัลกับเยาวชนที่มีจิตสาธารณะ เสียสละและสร้างประโยชน์อันเป็นผลกระทบวงกว้างต่อชุมชน สังคมและประเทศ
ดังตัวอย่างของประเทศเวียดนาม ภาครัฐได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมอาสาฤดูร้อนปี 2017 ของเยาวชนเวียดนามภายใต้หัวข้อ “เยาวชนร่วมกันสร้างสรรค์ชนบทใหม่และตัวเมืองอารยธรรม” เพื่อส่งเสริมจิตใจแห่งการอาสาและเดินหน้าของเยาวชนเวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคม สวัสดิการสังคม การป้องกันประเทศและความมั่นคงในท้องถิ่นที่ยากจน ห่างไกลความเจริญ เขตชายแดนและหมู่เกาะของประเทศ
ประเทศสิงคโปร์ เป็นตัวอย่างของประเทศที่สามารถสร้าง “คน” ได้อย่างมีคุณภาพ เพราะยึดหลักพื้นฐาน คือ ชาติสําคัญกว่าชุมชน และสังคมสําคัญกว่าปัจเจกบุคคล ดังนั้น คนจึงเป็นกำลังสำคัญในการสร้างชาติ เมื่อคนเข้มแข็ง ชาติก็เข้มแข็ง โดยเริ่มตั้งแต่วัยเด็กและเยาวชน เพราะเป็นวัยแห่งการเรียนรู้
รางวัล SYA หรือรางวัลเยาวชนสิงคโปร์ (Singapore Youth Award) เป็นรางวัลระดับเยาวชนที่มีเกียรติมากที่สุดรางวัลหนึ่งในโลก ซึ่งได้มอบให้แก่เยาวชนที่มีพรสวรรค์ ในการยกระดับจิตใจและจิตวิญญาณของชุมชนและสร้างความแตกต่างให้กับประเทศชาติ โดยมุ่งเน้นไปที่บุคคลที่มีทั้งการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนและการลงมือสร้างสรรค์สิ่งดีให้ชุมชนอย่างกล้าหาญ
SYA ตระหนักถึงความเป็นเลิศของเยาวชนชาวสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นเยาวชนที่มีวิสัยทัศน์ มีทัศนคติ "ทำได้ (Can-do)" ต่อความท้าทาย เยาวชนที่มีจิตวิญญาณแบบ "ไม่กลัวตาย (never-say-die)" เมื่อต้องเผชิญความยากลำบาก เยาวชนที่กล้า "ลงมือทำตามที่พูด (walk the talk)" และเยาวชนที่มีหัวใจแห่ง “การปรนนิบัติ (serve by doing)" เพราะนี่คือ การแสดงออกถึงการมีจิตวิญญาณแห่งการเสียสละ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม อันจะช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
เยาวชนที่จะนำการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องเป็นทั้งคน “ดี เก่ง กล้า” โดยเริ่มต้นจากการสร้างการเปลี่ยนแปลงจากตนเอง นั่นคือ การเปลี่ยนความคิดของตนเอง เพื่อชีวิตตนจะเปลี่ยน อันส่งผลต่อการเปลี่ยนความคิดของคนอื่นๆ เพื่อคนเหล่านั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้เช่นกัน
เมื่อการเปลี่ยนแปลงความคิด ชีวิตของคนในสังคมมีมากขึ้น การรวมพลังจะเกิดขึ้นจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศและโลกนี้