สิ่งที่ต้องรู้! การจดทะเบียนพาณิชย์ในการค้าออนไลน์

สิ่งที่ต้องรู้! การจดทะเบียนพาณิชย์ในการค้าออนไลน์

ปัจจุบันการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในช่วงภาวะที่โรคโควิด 19 ระบาด

    แม้ว่าห้างสรรพสินค้าและห้างร้านต่างๆ ต้องหยุดกิจการไปช่วงหนึ่งรวมถึงตลาดนัดที่เคยคึกคักก็กลับซบเซา แต่ในขณะเดียวกันในวิกฤตนั้นก็ยังมีโอกาสเมื่อผู้ที่ต้อง Work from home ผู้ที่ถูกเลิกจ้าง หรือผู้ที่เห็นช่องทางหันมาทำธุรกิจขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น

     นอกจากจะเป็นการหารายได้ยังชีพเพิ่มเติมหรือเพื่อกอบกู้ยอดจำหน่ายให้ผ่านพ้นมรสุมไปได้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคสามารถจับจ่ายใช้สอยโดยที่ไม่ต้องออกไปเสี่ยงกับโรคระบาดอีกด้วย

แต่พ่อค้าแม่ขายออนไลน์จะรู้หรือไม่ว่าหากประสงค์ให้กิจการร้านค้าออนไลน์ของตนมีความน่าเชื่อถือแล้ว มีวิธีการหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภคได้ นั่นก็คือ การจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือจดทะเบียนการค้าออนไลน์ และได้รับเครื่องหมาย DBD Registered หรือ DBD Verified จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์  ซึ่งผู้เขียนจะนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับเครื่องหมายดังกล่าว ดังนี้

ผู้ที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้แก่ 4 กลุ่มคือ

1) ผู้ขายสินค้าหรือบริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและ Social Media  

2) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider: ISP)  

3) ผู้ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web Hosting)  

4) ผู้ให้บริการเป็นตัวกลาง (ตลาดกลาง) ในการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเทอร์เน็ต (E-Marketplace) เช่น Lazada Shopee หรือ Kaidee โดยต้องขอจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มค้าขาย โดยผู้ค้าต้องทำเว็บไซต์ที่จะใช้ขายสินค้าให้เรียบร้อย เช่น ลงรูปสินค้า คำบรรยาย ราคา วิธีชำระเงิน และวิธีจัดส่งให้ครบถ้วน

สำหรับสถานที่จดทะเบียนพาณิชย์นั้นก็ขึ้นอยู่กับภูมิลำเนาของร้านค้า ณ สถานประกอบการที่ตั้งอยู่ กล่าวคือในกรุงเทพฯ ก็จดทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร แต่ถ้าอยู่ในภูมิภาค ผู้ค้าสามารถไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนได้ที่เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล

โดยเอกสารการจดทะเบียนพาณิชย์ประกอบด้วย

1) แบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (กพ.)

2) สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของกิจการ

3) สำเนาทะเบียนบ้านเจ้าของกิจการ

4) แผนที่ตั้งกิจการ

5) เอกสารประกอบการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ถ้าเป็นกรณีที่ไม่ใช่เจ้าของบ้านจะต้องมีเอกสารเพิ่มเติมคือ หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่และสำเนาทะเบียนบ้านหรือหนังสือสัญญาเช่า และถ้าหากไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเองจะต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจด้วย โดยค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนพาณิชย์เพียง 50 บาทเท่านั้น

เมื่อร้านค้าออนไลน์จดทะเบียนพาณิชย์แล้วสามารถขอรับเครื่องหมายรับรองได้ที่กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ www.dbd.go.th กรณีดังกล่าวเป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องให้ผู้ประกอบพาณิชย์ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2553

ซึ่งพบว่าแม้จะมีประกาศฉบับนี้ใช้บังคับมานับสิบปีแล้วแต่ผู้ค้าออนไลน์หลายรายกลับไม่ทราบถึงเรื่องนี้ หรือบางรายละเลยเพิกเฉยต่อการจดทะเบียนพาณิชย์ดังกล่าว

ในส่วนเครื่องหมาย DBD Registered นั้นมีความสำคัญกับเว็บไซต์ของผู้ค้าออนไลน์เพราะเป็นเครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ออกให้เจ้าของเว็บไซต์ E-Commerce โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เครื่องหมาย DBD Registered ที่แสดงบนหน้าเว็บไซต์จะช่วยยืนยันว่าร้านมีตัวตนอยู่จริงและตรวจสอบได้ ทำให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้นในการซื้อสินค้าและบริการ

ส่วนความแตกต่างระหว่างเครื่องหมาย DBD Registered กับเครื่องหมาย DBD Verified นั้นอยู่ตรงที่เครื่องหมาย DBD Registered จะรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ว่าผู้ประกอบการมีตัวตนอยู่จริง ในขณะที่เครื่องหมาย DBD Verified จะรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยต้องจดทะเบียนและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดคือ ได้สัญลักษณ์ DBD registered มาติดบนเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์นานเกิน 6 เดือน

จึงอาจกล่าวได้ว่าเครื่องหมาย DBD Verified เป็นการยกระดับและมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า DBD Registered นั่นเอง

ประโยชน์ของการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของร้านค้าออนไลน์มีหลายประการ ได้แก่การสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าในการซื้อสินค้าหรือบริการ ยืนยันความมีตัวตนของผู้ประกอบการ มีสถานที่ตั้งของสำนักงานที่ลูกค้าสามารถติดตามตรวจสอบได้

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถขอรับเครื่องหมายรับรองผู้ประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ DBD Registered และเครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือ DBD Verified ซึ่งได้รับการตรวจประเมินตามเกณฑ์ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ประการสุดท้ายคือได้รับสิทธิในการแจ้งข่าวสาร สิทธิเข้ารับการพัฒนาอบรมตามหลักสูตรที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนดอีกด้วย

เมื่อจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้วร้านค้าออนไลน์จะต้องเสียภาษีหรือไม่นั้น โดยปกติแล้วการจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะไม่ต้องเสียภาษี แต่หากประกอบกิจการแล้วเกิดรายได้ ผู้ค้าก็ต้องเสียภาษีเงินได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยเมื่อซื้อขายทุกครั้งต้องพิมพ์ใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีเก็บไว้เพื่อจัดทำภาษีส่งกรมสรรพากร ซึ่งนับเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติในฐานะพลเมืองของประเทศ

หากร้านค้าออนไลน์ใดจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เราในฐานะผู้ซื้อหรือผู้บริโภคก็ยิ่งต้องสนับสนุนเพราะเป็นร้านค้าออนไลน์ที่ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย

โดยหากร้านค้าใดไม่ดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และปรับวันละ 100 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499

ประการสุดท้าย ผู้เขียนขอฝากว่า การจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถทำได้ด้วยตัวเอง มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากและมีประโยชน์หลายส่วน เช่น ช่วยยืนยันความมีตัวตนของร้านค้า ทำให้สามารถค้นหาหาร้านเจอบนเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อันย่อมส่งผลให้ร้านค้าออนไลน์นั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และยังเป็นร้านค้าออนไลน์ถูกกฎหมาย

หากผู้ประกอบการยอมเสียเวลาเพียงไม่นานและจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อยตามที่กฎหมายกำหนด จากร้านค้าออนไลน์ธรรมดา ร้านค้าของเราก็จะเป็นร้านค้าออนไลน์ที่เป็นมืออาชีพช่วยยกระดับและสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้ในตัว.

*บทความโดย สุพัทธ์รดา เปล่งแสง

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์