สารถึงหลานตาไหวในย่านบ้านนา

สารถึงหลานตาไหวในย่านบ้านนา

ตาไหวอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเขียนหนังสือเล่มใหม่ ซึ่งอาจเป็นเล่มสุดท้ายก่อนตาไหวลงเวที เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายนทำให้ตาไหวหันมาเขียนสารนี้

วันนั้น หลอดเลือดในสมองของตาไหวอุดตัน

            ภาวะนั้นเป็นที่งงงันของทั้งหมอและของตาไหวเนื่องจากร่างกายของตาไหวอยู่ในสภาพดีแม้อายุจะใกล้ ๘๐ ปีเต็มแล้วก็ตาม  ร่างกายอยู่ในสภาพดีเพราะไม่มีภาวะพื้นฐานจำพวกเบาหวานและความดันโลหิตสูง 

หัวใจอยู่ในสภาพดีมากเนื่องจากออกกำลังกายเป็นประจำทำให้มันแข็งแกร่งและเต้นช้าเพียงนาทีละ ๔๘ ครั้ง  ตาไหวไม่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าองุ่นบ้างเป็นครั้งคราว หลีกเลี่ยงอาหารคาวหวานจำพวกจานด่วนกับจำพวกผ่านกระบวนการแปรรูปสูง และตรวจร่างกายกับหมอประจำตัวทุก ๔ เดือน 

ตาไหวถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเป็นครั้งแรก  เมื่อเข้าโรงพยาบาล หัวใจของตาไหวเต้นเร็วผิดปกติ  หมอไม่แน่ใจว่าภาวะหลอดเลือดในสมองอุดตันทำให้มันเต้นเร็วขึ้นมาก หรือการเต้นเร็วขึ้นแบบกะทันหันของมันทำให้หลอดเลือดในสมองอุดตันกันแน่  แต่จะต้องหาวิธีรักษา

 หมอให้ตาไหวกินยาและติดตามอาการอยู่ ๓ วัน  เนื่องจากยาชนิดนั้นไม่ได้ผล หมอจึงให้ยาชนิดใหม่  ปรากฏว่าได้ผลตามคาด  หมอจึงให้ตาไหวกลับบ้านหลังอยู่โรงพยาบาล ๙ วัน  จากนั้น หมอให้ตาไหวกินยาลดอาการเต้นเร็วผิดปกติของหัวใจกับยาลดความข้นของเลือดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดในสมองอุดตันอีก 

ภาวะหลอดเลือดในสมองอุดตันทำให้ตาไหวใช้นิ้วนางและนิ้วก้อยของมือซ้ายไม่สะดวก  หมอบอกว่า นั่นเป็นผลร้ายที่น้อยมากเนื่องจากร่างกายอยู่ในสภาพดีเยี่ยม  ถ้าภาวะนี้เกิดขึ้นอีก ผลร้ายอาจทำให้เป็นอัมพฤกษ์  

            หลาน ๆ คงทราบดีแล้วว่า ตาไหวกลับมาเมืองไทยทุกปีเพื่อร่วมจัดกิจกรรมสนับสนุนการศึกษาของหลาน ๆ ภายในกรอบงานของมูลนิธินักอ่านบ้านนา  ปีหน้า ตาไหวตั้งใจจะมาในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมซึ่งจะร่วมจัดงานพิเศษนอกเหนือจากกิจกรรมประจำของมูลนิธิฯ

งานพิเศษได้แก่ การแสดงมุทิตาจิตเนื่องในวาระอายุครบรอบ ๙๐ ปีของปูชนียบุคคลบ้านนา อาจารย์บุญยัง รอดประเสริฐ ตามด้วยการทอดผ้าป่าการศึกษาเนื่องในวาระอายุครบรอบ ๘๐ ปีของตาไหว  กำหนดงานวันที่ ๙ สิงหาคม ณ โรงเรียนวัดพิกุลแก้ว

ในงานนี้จะมีหนังสือนิทานเขียนเป็นกลอน ๘ ชื่อ เต่าวัดกลาง มอบให้แก่ผู้เข้าร่วม  ต้นฉบับของหนังสือเสร็จเรียบร้อยแล้ว  จะจัดพิมพ์ก่อนวันงาน

พูดถึงหนังสือใหม่ ตาไหวได้เตรียมเรื่อง รักคุด ไว้จัดทำเป็น E-book ให้หลาน ๆ นำออกมาอ่านได้จากเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา  ด้วย  รักคุด เป็นเรื่องราวของชาวบ้านนาที่ถอดออกมาในรูปของนวนิยาย เนื่องจากวิถีชีวิตของชาวบ้านนาเข้มข้นไม่น้อยกว่าเรื่องในจินตนาการ

 

นอกจากนั้น ตาไหวได้เตรียมจัดทำ E-book ไว้ให้นำออกมาอ่านกันได้จากเว็บไซต์นั้นอีกหนึ่งเรื่องได้แก่ จดหมายจากบ้านนา ฉบับต้นร่าง   หลานบางคนอาจได้อ่าน จดหมายจากบ้านนา แล้ว  หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ ๓ ครั้ง  ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๓ นำออกมาอ่านได้จากเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ 

แม้แก่นของเนื้อหาจะคงเดิม การพิมพ์แต่ละครั้งได้รับการปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มภาพและข้อความตามสมควร  ส่วนในการจัดทำเป็น E-book ครั้งนี้ ทุกอย่างจะคงไว้ตามที่ตาไหวเพิ่งเขียนเสร็จก่อนการปรับเปลี่ยนเพื่อจัดพิมพ์ครั้งที่ ๑-๓

นั่นเป็นความตั้งใจ  หากโรคภัยไข้เจ็บไม่เป็นใจ  ตาไหวมาไม่ได้  ตาไหวได้ฝากค่าใช้จ่ายสำหรับจัดทำหนังสือทั้ง ๓ เล่มไว้กับกรรมการของมูลนิธิฯ แล้ว  และแทนการทอดผ้าป่าการศึกษาซึ่งจะเปิดโอกาสให้กัลยาณมิตรมีส่วนร่วม ตาไหวจะเพิ่มทุนอีกก้อนให้แก่มูลนิธิฯ โดยตรง 

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีผู้อาสาจัดผ้าป่าแทน นอกเหนือจากการบริจาคเบื้องต้นก้อนหนึ่งแล้ว ตาไหวยังจะบริจาคสมทบตามจำนวนที่กัลยาณมิตรบริจาคอีกด้วย  

            หลาน ๆ คงทราบแล้ว  ตาไหวก่อตั้งมูลนิธินักอ่านบ้านนาขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาของหลาน ๆ ในย่านบ้านนา  มูลนิธิฯ เป็นของชาวบ้านนาซึ่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหาร  ประธานคณะกรรมการชุดปัจจุบันได้แก่ อาจารย์บุญยัง รอดประเสริฐ 

            ตามบัญชาของกาลเวลา คณะกรรมการชุดนี้จำเป็นจะต้องลงเวทีไป  ตาไหวหวังว่าหลาน ๆ และชาวบ้านนาจะอาสาเข้ามารับคทาจากผู้ลงเวทีไปร่วมกันดำเนินงานตามปณิธานของมูลนิธิฯ โดยเฉพาะด้านการสนับสนุนการอ่านซึ่งเป็นการลับสมองที่มีประสิทธิภาพที่สุด 

            แม้จะขัดบัญชาของกาลเวลาไม่ได้ แต่ตาไหวยังหวังว่าจะมาร่วมกิจกรรมปลูกต้นตาลทุกปีจนกว่ารุ่นแรกที่ปลูกไว้บนคันคูถนนสายบ้านนา-บางปลากดเมื่อปี ๒๕๖๕ จะเริ่มผลิดอกออกผลให้เห็น

            การเจ็บป่วยแบบกะทันหันของตาไหวน่าจะให้ข้อคิดบางอย่างแก่หลาน ๆ เช่น แม้จะพยายามดูแลร่างกายให้อยู่ในสภาพดีเพียงไร การเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้แบบไม่บอกล่วงหน้า 

ฉะนั้น จึงอย่าประมาท  อย่าน้อยใจเมื่อเราเจ็บป่วยแต่ผู้ที่ไม่ใส่ใจในการดูแลร่างกายดูจะไม่เคยเจ็บป่วย  ร่างกายของแต่ละคนมีส่วนประกอบจำนวนมหาศาลซึ่งทำงานต่างกัน  เราพยายามดูแลตัวเราแบบสุดความสามารถต่อไป  และถ้าร่างกายอยู่ในสภาพดี การเจ็บไข้จะไม่ทำร้ายร่างกายมากนัก

            พูดถึงกาลเวลา นี่ก็ใกล้เทศกาลอวยพรปีใหม่กันอีกครั้ง  ตาไหวขอให้หลาน ๆ มีสุขภาพดีและมีโอกาสได้รับการศึกษาจนกว่าจะเพียงพอสำหรับเริ่มประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตด้วยความราบรื่นต่อไปในวันข้างหน้า.