ปีแห่งทักษะของยุโรป European Year of Skill

เมื่อปีที่แล้ว เป็นปีแห่งทักษะของยุโรป European Year of Skill มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะเกิดขึ้นกว่าสองพันกิจกรรม มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1.37 ล้านคน และเข้าชมกิจกรรมผ่านเครือข่ายสังคมกว่า 90 ล้านครั้ง

มีโครงการดึงดูดผู้มีทักษะสูงในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีเพื่อการสร้างความยั่งยืน เข้ามาทำงานให้กับอุตสาหกรรมในยุโรป โดยเฉพาะกับเอสเอ็มอี

 เขาสร้างแอป EU Talent Pool ให้คนทั้งในและนอก EU มาบันทึก CV ของตนไว้ให้พิจารณาจ้างงาน รวมทั้งมีมาตรการอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมสำหรับการขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่าสำหรับผู้มีทักษะที่มาจากนอกกลุ่มประเทศ EU

ยุโรปอยากเป็นผู้นำโลกในเทคโนโลยีใหม่ที่มีบทบาทสำคัญกับอนาคตของมนุษยชาติ โดยเฉพาะด้าน AI Quantum Computing และ Green Technology จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีทักษะสูงในด้านเหล่านี้เป็นจำนวนมาก

 แต่ยุโรปกำลังเป็นสังคมสูงวัย มีจำนวนคนหนุ่มสาวที่มีทักษะสูงมาทำงานไม่พอเพียงที่จะสร้างความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีเป้าหมายนี้ 

บุคลากรในวัยทำงานก็ไม่ได้เล่าเรียนอย่างลึกซึ้งเพียงพอในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นเป้าหมายของยุโรป ที่รู้ดีก็ใช้ไม่ได้ ที่อยากได้ก็รู้ไม่ดี จำเป็นต้องมีการ Upskill Reskill กันขนานใหญ่

มีความพยายามดึงดูดคนมีทักษะสูงจากนอกยุโรปเข้ามาทำงาน หลายประเทศเริ่มต้นจากผู้อพยพหนีภัยสงครามจากยูเครนและรัสเซีย ในขณะที่บางประเทศมุ่งลงไปที่ประเทศในแอฟริกา

แต่การนำเข้าแรงงานทักษะสูงจากนอกยุโรปก็มีเสียงคัดค้านจากหลายองค์กรภายในยุโรป รวมถึงหอการค้าที่มองว่าอาจจะเป็นการสร้างปัญหาในระยะยาว 

เลยกลับลำหันไปดึงดูดคนยุโรปที่ไปทำมาหากินไฮเทคนอกยุโรปให้กลับมา หันกลับไปสนใจคนในประเทศที่เคยสนิมสนมกัน เช่นที่เคยเป็นอาณานิคมซึ่งคนมีทักษะสูงในประเทศเหล่านี้มักจะได้รับใบอนุญาตทำงานในยุโรปอยู่แล้ว

 คนมีทักษะสูงในบ้านเราน่าจะไม่ได้เปรียบอะไรในเรื่องนี้ แม้ว่าบ้านเราจะเพิ่งมี PCA กับยุโรป 

นอกจากนั้นก็เลยไปไกลถึงการงานออนไลน์ที่สามารถกระทำได้จากพื้นที่ภายนอกยุโรป ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับคนมีทักษะสูงในบ้านเรา ที่ยังไม่คิดจะไปทำมาหากินในยุโรป แต่สนใจจะทำกิจการร่วมกันมากกว่า

แน่นอนที่สุดว่าจะไปพึ่งพาการนำเข้าแรงงานทักษะสูงเป็นหลัก ในการขับเคลื่อนความเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีสามสี่เรื่องที่เป็นเป้าหมายคงไม่ได้ผล สุดท้ายก็ต้องยกระดับทักษะคนที่มีอยู่ขึ้นมาเป็นหลักไว้ก่อน

นอกจากเขาจะเดินหน้ากันเต็มที่กับคนหนุ่มสาวในสถาบันการศึกษา ซึ่งถ้าเพิ่มจำนวนมากไปเขาก็เกรงว่า คุณภาพจะตก เลยมีการสร้างความตระหนักในเรื่องของความสำคัญการศึกษาตลอดชีวิตให้กับคนที่ทำงานกันอยู่

มีเทศกาลเกี่ยวกับการศึกษาตลอดชีวิตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อบอกให้ผู้คนของเขารู้ว่าจำเป็นต้องเติมเต็มทักษะใหม่ๆ โดยเฉพาะที่เป็นเทคโนโลยีเป้าหมายของเขาให้กับตนเอง เขาจัดบริการประเมินว่าแต่ละคนควรได้รับการเติมเต็มทักษะใหม่ๆ ในเรื่องใดบ้าง ซึ่งบ้านเราก็ทำตามอยู่ เพียงแต่ผู้คนไม่รู้ว่าประเมินไปแล้วว่าขาดทักษะอะไรแล้วจะทำอย่างไรต่อไป

ในขณะที่ของยุโรปเมื่อประเมินกันแล้ว แต่ละคนจะมี Individual Learning Account มีบัญชีทักษะส่วนตัวบอกว่ามีทักษะอะไรแล้วบ้าง แล้วถ้าอยากจะเติมเต็มทักษะใหม่ที่ยังขาดอยู่ ยังไม่มีในบัญชีทักษะของตน

เขาส่งต่อไปยังศูนย์แห่งความเป็นเลิศในการพัฒนาทักษะอาชีพที่ไม่ใช่โรงเรียนฝึกอาชีพแบบที่มีในบ้านเรา ที่ฝึกอาชีพพื้นๆ ตามความถนัดของโรงเรียน 

แต่เป็นศูนย์ที่เกิดขึ้นจากการประสานงานระหว่างภาคธุรกิจที่ต้องการแรงงานทักษะสูง สถาบันการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเป้าหมาย และชุมชนผู้เชี่ยวชาญในวงการอาชีพนั้น ซึ่งคิดได้ ทำได้จริง ไม่ใช่แค่คุยได้เหมือนผู้เชี่ยวชาญในบางประเทศ

ทำให้นอกจากจะเป็นที่ upskill reskill กันอย่างจริงจังแล้ว ยังเป็นเวทีสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมในวงการอาชีพนั้นอีกด้วย เขาตั้งเป้าไว้ว่าอีกสองสามปี จะมีศูนย์แบบนี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแห่ง จากที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณห้าสิบแห่ง

ใฝ่ฝันอยากเป็นฮับของเทคโนโลยีของภูมิภาค แต่ทำแค่เปิดหลักสูตรใหม่ไปตามกระแสโลก จำไม่ได้ว่าเคยเป็นฮับเรื่องอะไรมาแล้วบ้าง.