พลิกโฉม” ซีอาน เมืองโบราณ”จีน สู่ศูนย์กลางการขนส่งเอเชียเชื่อมยุโรป
“เมืองซีอาน “ จุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางตะวันออก เปลี่ยนโฉม การขนส่งจากสัตว์ทะเลทราย “อูฐ” เป็น “รถไฟ”เปิดประตูสู่ชาติตะวันตก สร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญด้านเศรษฐกิจและการค้าของภูมิภาค รถไฟจีน – ยุโรป
KEY
POINTS
Key Point
- ปี 2566 “ซีอาน”กลายเป็นเมืองแรกของจีนที่มีจำนวนขบวนรถไฟจีน – ยุโรป ทะลุ 5,000 ขบวนต่อปี
- 26 ก.ย.2566 รถไฟขบวนพิเศษ X8159 ขบวนแรกของจีนบรรทุกวัสดุก่อสร้างโครงสร้างเหล็กที่ผลิตในเมืองส่านซีมุ่งสู่เมืองเบลเกรด เมืองหลวงของเซอร์เบีย
- ท่ารถไฟนานาชาติซีอานได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
"เมืองซีอาน " เมืองโบราณชื่อดังของมณฑลส่านซี ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน กำลังจะเปลี่ยนแปลงจากการเป็นเมืองโบราณสู่การเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสดิกส์ของเอเชียไปยุโรป
เว็ปไซต์จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) เมืองเฉิงตู ประเทศจีน รายงานว่า เมืองโบราณ จุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางตะวันออก กำลังเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่ในการค้าระหว่างประเทศ ในปี 2556 รถไฟขบวนแรกของเส้นทางจีน-ยุโรป (ซีอาน) ได้เริ่มให้บริการ เปลี่ยนเสียงระฆังอูฐบนเส้นทางสายไหมโบราณ เป็นเสียงคำรามของขบวนรถไฟที่แล่นผ่านทะเลทราย ตลอดระยะเวลากว่าสิบปี ศูนย์รวมรถไฟจีน – ยุโรปที่ซีอานได้สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2566 กลายเป็นเมืองแรกของจีนที่มีจำนวนขบวนรถไฟจีน – ยุโรป ทะลุ 5,000 ขบวนต่อปี คิดเป็นประมาณ 1/4 ของจำนวนทั้งหมดทั่วประเทศ และครองอันดับหนึ่งของประเทศในด้านจำนวนขบวนรถไฟ ปริมาณการขนส่งสินค้า และอัตราการบรรทุกเต็มตู้ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 การพัฒนาของศูนย์รวมรถไฟจีน – ยุโรปที่ซีอาน
ไม่เพียงแต่เชื่อมโยงจีนกับยุโรปและเอเชียกลาง แต่ยังสร้างเครือข่ายการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วโลก ส่งผลให้ซีอานกลายเป็นแพลตฟอร์มการเปิดประเทศสู่ตะวันตกที่มีศักยภาพสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2566 รถไฟขบวนพิเศษ X8159 บรรทุกวัสดุก่อสร้างโครงสร้างเหล็กที่ผลิตโดยบริษัทในมณฑลส่านซี ออกเดินทางจากสถานีท่ารถไฟนานาชาติซีอานมุ่งหน้าสู่เบลเกรด เมืองหลวงของเซอร์เบีย นับเป็นขบวนแรกของรถไฟจีน – ยุโรป (ซีอาน-เบลเกรด) ที่ขนส่งสินค้าผลิตในส่านซีแบบตามความต้องการของลูกค้า การให้บริการแบบเฉพาะเจาะจงนี้ ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ แต่ยังช่วยส่งเสริมให้สินค้า “ผลิตในจีน” จำนวนมากขึ้นสามารถก้าวสู่ตลาดต่างประเทศได้
โดยอาศัย “รถไฟด่วน” แห่งข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ปัจจุบัน รถไฟจีน – ยุโรป (ซีอาน) ได้กลายเป็นแบรนด์สัญลักษณ์ของการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” สถานีต้นทางที่ท่ารถไฟนานาชาติซีอานได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน และเป็นศูนย์กระจายสินค้าของรถไฟจีน – ยุโรปในพื้นที่ตอนในของประเทศ
โดยเฉลี่ยทุก 1 ชั่วโมง 40 นาที จะมีรถไฟจีน – ยุโรป หนึ่งขบวนออกหรือเข้าสถานี นอกจากนี้ ซีอานยังได้ร่วมมือกับคาซัคสถานในการสร้างท่ารถไฟคาซัคสถาน – ซีอาน ซึ่งเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในเดือนก.พ.2566 ท่ารถไฟนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าระหว่างซีอานกับภูมิภาคเอเชียกลาง และเป็นจุดศูนย์กลางการกระจายสินค้านำเข้า – ส่งออกระหว่างจีนกับคาซัคสถาน
การพัฒนาของศูนย์รวมรถไฟจีน-ยุโรปที่ซีอาน มุ่งเน้นการสร้าง “เส้นทาง + ศูนย์กลาง + เครือข่าย” อย่างต่อเนื่อง โดยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของท่ารถไฟ ขยายเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ ลดต้นทุนการขนส่งตลอดเส้นทาง และยกระดับคุณภาพการบริการ จนกลายเป็นต้นแบบของการดำเนินงานรถไฟจีน – ยุโรปที่มีคุณภาพสูง ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
"ซีอาน"ไม่เพียงแต่กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญ แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าของภูมิภาค รถไฟจีน – ยุโรปได้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับการค้าต่างประเทศของมณฑลส่านซี โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของมณฑลส่านซีมีมูลค่ารวม 300,670 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 15.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ในอนาคต
ซีอานมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศูนย์รวมรถไฟจีน-ยุโรปให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น ขยายขอบเขตและความลึกของเส้นทางรถไฟ และเร่งการบูรณาการระหว่างท่าเรือ การผลิต และการค้า เพื่อช่วยให้มณฑลส่านซีและพื้นที่ตอนในของจีนสามารถเข้าร่วมในการสร้าง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทำให้ซีอานกลายเป็นประตูสู่ตะวันตกที่สำคัญของจีนในยุคใหม่ของการเชื่อมโยงทั่วโลก
สคต. ณ นครเฉิงตู แสดงความเห็นต่อโอกาสการใช้ประโยชน์จากการพัฒนาเส้นทางรถไฟจีน – ยุโรปผ่านซีอาน ว่า ไทย ควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมต่อกับจีน เพื่อเข้าถึงเครือข่ายดังกล่าว พร้อมทั้งพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์แบบครบวงจรในพื้นที่ยุทธศาสตร์ เช่น จังหวัดนครราชสีมาหรือขอนแก่น ให้เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญ
นอกจากนี้ ควรส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ใช้เส้นทางรถไฟในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ในเอเชียกลางและยุโรปตะวันออก พร้อมกับพัฒนาระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงกับประเทศพันธมิตร เพื่อลดขั้นตอนและเวลาในการดำเนินพิธีการ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่างชาติ
ขณะเดียวกัน การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางรถไฟระหว่างประเทศ และการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ บนเส้นทางรถไฟจีน – ยุโรป จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเหล่านี้จะช่วยให้ไทยใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้น และเสริมสร้างบทบาทในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ