'บิตคอยน์' เซ่นเฟดขึ้นดบ.-ทำคิวที ยังเสี่ยงหลุด 3 หมื่นดอลลาร์
บิตคอนย์กับวันซื้อขายที่แย่สุด ลดลงเหลือ 35,571ดอลลาร์ เซ่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่รับจากปี 43 ซิปเม็กซ์ ชี้หากยืน 30,000-35,000 ดอลลาร์ ได้นานจะเป็นฐานใหม่ แต่ยังเสี่ยงหลุด 30,000 ดอลลาร์ แนะ"ถือเงินสด" รอตลาดนิ่ง พักฐาน 1 ปี นักวิเคราะห์ฯ คาดกลางปี66 จุดพลิกกลับได้
ตลาดการเงินทั่วโลกตกต่ำลง เนื่องจาก ดาวน์โจนส์ ลดลง 1,063 จุด และราคา บิตคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC ลดลงเหลือ 35,571ดอลลาร์ ในcoinmarketcap ทำให้วันนี้ ( 6 พ.ค.) กลายเป็น "วันที่ซื้อขายที่แย่สุด" รับตั้งแต่ปี 2563 หลังจาก FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่สุดนับแต่ปี 2543 เพื่อทำการควบคุมเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตามตั้งแต่มีกระแส FED มีทิศทางปรับขึ้นดอกเบี้ยและจะเริ่มทำคิวที ( QT) ในปีนี้ ทิศทางราคาบิตคอยน์ ปรับตัวลงต่อเนื่อง จากสุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ออไทม์ไฮ) ที่เคยทำไว้เมื่อเดือนพ.ย.ปี2564 ที่ 69,000 ดอลลาร์ โดยในเดือนม.ค. 2565 ปรับตัวลงต่ำสุด ที่ 35,030.25 ดอลลาร์ และปรับเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. 2565 มาอยู่ที่ 47,463.73 ดอลลาร์ และปรับตัวลงต่อเนื่อง ล่าสุด ณ 6 พ.ค. 2565 ( 18.00น. ) ราคาบิตคอยน์ยังเคลื่อนไหวที่ 36,281.53 ดอลลาร์
สถานการณ์ราคาบิตคอยน์ร่วงรับผลประชุมเฟดรอบนี้ สอดรับกับมุมมองของนักวิเคราะห์ในวงการคริปโทเคอเรนซี ต่างมองว่า ตลาดคริปโทฯ จะพักฐานในปีนี้ และคาดการณ์แนวโน้มราคาบิตคอยน์ แกว่งตัวไซด์เวย์ 1-2ปี
เหตุหลายปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งนี้เกิดจากสภาพตลาดการลงทุนทั่วโลกเผชิญความเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจโลกปีนี้ชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มทำQT หรือดึงสภาพคล่องกลับ ในปีนี้
รวมถึงภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังยืดเยื้อ และกฎเกณฑ์กำกับดูแลในไทยที่ห้ามใช้คริปโทเคอเรนซีซื้อขายสินค้าและบริการ
ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกย้ายเงินจากทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง ทั้งตลาดหุ้นและตลาดคริปโทเคอเรนซี ไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรระยะสั้น และเงินสด มากกว่า เพื่อที่จะป้องกันผลตอบแทนในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง
ลุ้นจุดเข้าซื้อใหม่ 30,000-35,0000 ดอลลาร์
นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หากราคาบิตคอยน์ ยืนที่ระดับนี้นานขึ้น จะทำให้ระดับราคา 30,000-35,0000 ดอลลาร์ กลายเป็นฐานใหม่
ดังนั้น แนะว่า สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงมาก ยังมองเป็นจุดที่น่าเข้าซื้อ และสัดส่วนไม่เกิน 15% ของพอร์ต
แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงที่ราคาบิตคอยน์ยังมีโอกาสหลุดต่ำกว่าระดับ 30,000 ดอลลาร์ได้อยู่เช่นกัน เพราะมองว่า มีสัญญาณที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ถ้าหากมีการบริหารเศรษฐกิจที่ไม่ดี และอาจเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงมาก (Hyperinflation) ได้
แนะนักลงทุนรับความเสี่ยงต่ำ
"ถือเงินสด" ก่อน รอตลาดนิ่ง
ฉะนั้นการพิจารณาเข้าลงทุนบิตคอยน์ในช่วงปีนี้ ยังต้องใช้ความระมัดระวังท่ามกลาง "ตลาดการลงทุนยังผันผวน" จากการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นของ FED
โดยเฉพาะ นักลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ แนะว่า ควรถือเงินสดไว้ก่อน รอตลาดนิ่ง มีทิศทางที่ชัดเจนก่อน
ระยะยาว "บิตคอนย์" ยังชนะเงินเฟ้อรุนแรง ดันราคาขึ้น
แม้ในระยะสั้น บิตคอนย์ ราคาถูกกดดัน แต่เมื่อเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง นี้ นักลงทุนต้องมองหาสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงเพื่อจะเอาชนะตัวเลข 7-8% ให้ได้ "บิตคอยน์"ถูกมองว่า "ทองดิจิทัล" เป็นทางเลือกในฐานะการเป็น Safe Haven และอีก2 ปี บิตคอยน์ฮาฟวิ่งก็จะกลับมาแน่ๆ ทำให้ ในระยะยาวบิตคอยน์ ยังถูกมองว่าสามารถสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงได้และจะเกิดดีมานด์เข้ามาผลักดันราคาในที่สุด
ระวังภาวะ snowball effect
ฉุดบิตคอนย์หลุด 30,000
นายสุรเชษฐ์ ศรีวัฒนกุลวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ. วี กล่าวว่า ในช่วง 1 ปีจากนี้ ราคาบิตคอยน์ยังมีโอกาสปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 30,000 ดอลลาร์ ในช่วง FED เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบถัดไปและเริ่มทำ QT จนกว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแล้วเสร็จตลาดคาดว่าช่วงกลางปี 2566
หลังจาก FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบการประชุมเดือนพ.ค.ที่่ผานมานี้ ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ ปรับตัวลงมาแตะบริเวณ 35,000 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับเดิมอยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์
"การที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลงรอบนี้ สะท้อนว่า เงินลงทุนที่ไหลเข้ามาในบิตคอยน์ หวังเก็งกำไรได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ และเมื่อเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยกับลดสภาพคล่องเพื่อลดความร้อนแรงเงินเฟ้อ มีการขายทำกำไรออกมาจำนวนมาก ดังนั้นหลังจากนี้ ต้องระวังภาวะ snowball effect คนส่วนใหญ่ที่คุมตลาดและเคยเชื่อในบิตคอยน์ หากเริ่มกังวลและนโยบายการเงินของเฟดยังไม่ทำให้ตลาดเชื่อใจได้ อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาอีกก็ได้"
ชี้จุด'บิตคอยน์' พลิกกลับขาขึ้นได้กลายปี 66
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ปีนี้ ตลาดคริปโทฯ จะพักฐานไซด์เวย์ไปก่อน 1 ปี แนะว่า จุดที่จะทำให้ราคาบิตคอยน์พลิกกลับมา จับตาอัตราการกู้ยืมระหว่างธนาคาร เนื่องจากเมื่อมีการถอนสภาพคล่องทำคิวที (QT) ออกแรงๆ เงินสดระหว่างธนาคารจะลดลง ส่งผลต่ออัตราการกู้ยืมระหว่างธนาคารปรับตัวขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นช่วงเดือน พ.ย. 2552 เป็นสัญญาณที่ต้องกลับมาอัดฉีดเงินเข้าระบบ
ดังนั้น ครึ่งปีแรกของปี 2566 หากถ้าทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐหยุดขึ้นแล้ว และอัตราเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารปรับตัวขึ้น จะเห็นการหยุดทำQT ซึ่งการที่หยุดทำ QT รวมถึงอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมาที่รับดับสูงสุดแล้วและกำลังจะปรับทิศทางขาลง ราคา "บิตคอยน์" จะกลับมาช่วงนั้น