Rebound ระยะสั้น (วันที่ 26 พฤษภาคม 2565)

Rebound ระยะสั้น (วันที่ 26 พฤษภาคม 2565)

วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ มีความผันผวนในช่วงบ่าย จาก +8ถึง+9 จุด ดัชนีลดช่วงบวกจนดัชนีทรงตัว แรงซื้อเด่นในกลุ่มการแพทย์ ส่วนกลุ่มไอซีทีและธนาคาร เผชิญแรงขาย

ตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ กังวลการคุมเข้มนโยบายการเงิน และ นักลงทุนติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม (FOMC) ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,625.18 จุด -1.05 จุด -0.06% มูลค่าการซื้อขาย 68,005 ลบ. ต่างชาติ +90.00 ลบ. TFEX +4,348 สัญญา ตราสารหนี้ +2,979.92 ลบ.
 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 191.66 จุด +0.60% หลังจากรายงานการประชุมเดือนพ.ค.ของเฟด บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดทุกคนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ +0.5% ปิดที่ 110.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูการเดินทางท่องเที่ยว
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 3-4 พ.ค.ว่า กรรมการเฟดพร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย.และเดือนก.ค. เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากเงินเฟ้อ เผยแผนทยอยปรับลดขนาดงบดุล (QT) จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย.
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.
+ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 65 (ต.ค.64-เม.ย.65) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 1.27 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 45,804 ล้านบาท หรือ 3.7%
+ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC โชว์ 4 ปี ขับเคลื่อน EEC ดึงทุนต่างชาติ 1.7 ล้านล้านบาทได้เร็วกว่ากำหนดที่ 5 ปี เดินหน้าเฟส 2 ปี 65-69 ลงทุนอีก 2.2 ล้านล้านบาท
 

 

 

+ ครม. มีมติเห็นชอบเพิ่มจานวนสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ ขยายเวลาใช้สิทธิถึง 30 ก.ย.

 

ปัจจัยลบ 

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 4,924 ราย ATK 6,344 ราย มีผู้เสียชีวิต 37 ราย รักษาหาย 5,560 ราย
- สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 1.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
- สำากงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (SVR) ออกแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐระดมสมาชิกจากองค์กรก่อการร้ายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) เพื่อเป็นทหารรับจ้างเข้าทำการสู้รบในยูเครน
- ซิมบับเว เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสู่ระดับ 131.7% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ราคาอาหาร ซึ่งรวมถึงขนมปังและน้ำมันปรุงอาหารต่างทะยานขึ้น หลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
- การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือน เม.ย.65 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 5,376 ราย ลดลง 25%MoM และลดลง 10%YoY
 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ระยะสั้น หลังเฟดเชื่อมั่นว่าจะสามารถใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ปัจจัยใหม่ในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,637 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ศบค. มีมติปรับลดพื้นที่สีหรือแบ่งโซนในการควบคุมโรคโควิด : AOT AAV BA BEM ERW CENTEL MINT AWC ASAP • MSCI ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 31 พ.ค. MSCI Global Standard Index : เข้า JMT ออก STGT MSCI Global Small Cap : เข้า ASK BYD DITTO FORTH KEX PSG SABUY STGT,STARK VIBHA ออก EASTW JMT
• FTSE ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 17 มิ.ย. FTSE All World Index : เข้า – ออก - , Micro Cap Index เข้า BRI CIVIL HENG KTBSTMR PEACE SVT TKC TFM WFX ออก -

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                                                SAWAD

                                                          (Bloomberg Consensus 67.50 บาท)

Rebound ระยะสั้น (วันที่ 26 พฤษภาคม 2565)

 

•1Q65 มีกำไรสุทธิ 1,118 ล้านบาท -21%YoY (กำไรปกติ 1,035 ล้านบาท -24%YoY) เนื่องจากขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย (บจ.เงินสดทันใจ) 50% ให้กับธนาคารออมสิน จึงไม่ได้จัดทำเป็นงบการเงินรวมทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดลง ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นเทียบกับการกลับรายการสำรองฯมาเป็นรายได้ในหลายไตรมาสที่ผ่านมา อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 44% ลดลงจาก 52.6% ใน 1Q64 และ 49.1% ใน 4Q64

•2Q65 มีแนวโน้มดีขึ้นโดยคาดจะเห็นการปล่อยสินเชื่อกลับมาใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดโควิด การเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง และกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุน

•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวหลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ที่ให้ประโยชน์สูงสุดกับกลุ่มท่ามกลางภาวะการแข่งขันสูงจากผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่ การกำกับดูแลสถาบันการเงินที่เข้มงวด และช่วยต่อยอดธุรกิจในการรุกธุรกิจสินเชื่อรายย่อย อีกทั้งเป็นการนำ SCAP เข้าตลาดหุ้นทางอ้อมที่ใช้เวลาสั้นกว่าไอพีโอ ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 65 เฉลี่ย 4,918.24 ล้านบาท +4%YoY

 

หุ้นมีข่าว

(+) GULF-GUNKUL (Bloomberg Consensus 54.00 , 6.45 บาท) GULF ประกาศตั้งบริษัทร่วมทุน ร่วม GUNKUL รุกใหญ่โครงการพลังงานหมุนเวียนร่วมกัน ตั้งเป้า 1,000 เมกะวัตต์ใน 5 ปี พร้อมลุยนวัตกรรมพลังงาน ชี้เป็นการผนึกความแข็งแกร่งเครือข่ายธุรกิจ มีลูกค้ารายใหญ่ ด้านผู้บริหาร GUNKUL รับต่อจิ๊กซอว์สเกลใหญ่โครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ ต่อยอดสู่คาร์บอนเครดิต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PLANB (Bloomberg Consensus 9.85 บาท) อัพเป้ารายได้รวมปี 2565 เพิ่มเป็น 6.4-6.7 พันล้านบาท จากเดิมที่ 6-6.3 พันล้านบาท หลังรับรู้รายได้จาก AQUA เข้ามาเพิ่ม ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/2565 ผลงานเติบโตต่อเนื่อง ตามโควิด-19 คลายตัว ไทยเปิดประเทศท่องเที่ยว กางแผนจัดกิจกรรมมาร์เก็ตติ้งกีฬาฟุตบอล-มวย-วิ่ง-อีสปอร์ต พร้อมวางงบลงทุน 700-1,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PACO (Bloomberg Consensus - บาท) อยู่ระหว่างศึกษาแบตเตอรี EV ชี้อนาคตวอลุ่มพุ่งอาจตั้งโรงงานผลิตและประกอบ ส่วนกรณีเทสลาเข้ามาตั้งบริษัทในไทย เชื่ออนาคตหนุนตลาดอะไหล่รถ อาฟเตอร์มาร์เก็ตคึกคัก เตรียมบินลัดฟ้าเจรจาตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BIZ (ราคาเหมาะสม 9.47 บาท) ส่งสัญญาณทิศทางไตรมาส 2/2565 ดีกว่าไตรมาสแรก เตรียมส่งมอบงานพรึ่บ พร้อมเดินหน้าชิงงานใหม่เติมพอร์ตราว 500-700 ล้านบาท มั่นใจมีโอกาสคว้าได้หลายโครงการ โชว์แบ็กล็อกแน่น 1.31 พันล้านบาท ส่วนโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็งคาดกวาดรายได้ 80-100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)