คนไทยสวยทุกยุค! หนุนตลาดเครื่องสำอางโตแกร่ง กูรูแนะแบรนด์ไทยเร่งปรับตัว
เจาะขุมทรัพย์ตลาดเครื่องสำอางไทยมูลค่ากว่า 2.46 แสนล้านบาท คาดปี 66 โต 9.46% คนไทยยังอยากดูดี สวยทุกปี กลุ่มต่อต้านริ้วรอย กลุ่มเสริมสุขภาพ กลุ่มบำรุงผมมาแรง สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย ชี้ตลาดยังแข่งขันรุนแรง แบรนด์ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ ชูคุณภาพ เมดอินไทยแลนด์
ตลาดเครื่องสำอางมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมาตลอด สวนทางภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่สดใสมากนัก จากความรักสวยรักงาม ดูแลตัวเองตลอดเวลา อย่างไรก็ดี แม้ตลาดเติบโตได้ดีแต่มีการแข่งขันที่รุนแรง จากแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ และแบรนด์ต่างประเทศ “การปรับตัว” เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ จึงเป็นสิ่งจำเป็นกับแบรนด์เครื่องสำอางไทย
เกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางไทยปี 2566 มีทิศทางที่ขยายตัวอยู่ และยังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง จากผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก รวมถึงแบรนด์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเกาหลี ที่มีกลุ่มลูกค้าต่างให้ความสนใจ ซึ่งมาจากกระแสซอฟเพาเวอร์ของเกาหลีในซีรีย์ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อหลากหลายกลุ่มสินค้า รวมถึงเครื่องสำอาง
ทั้งนี้การแข่งขันในตลาดที่มียังคงรุนแรง ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางและความงามของไทย ควรวางกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อเพิ่มแต้มต่อทางธุรกิจทั้ง สร้างสิ่งที่แตกต่าง ด้วยการมุ่งนำเสนอสินค้าสินค้าที่มีคุณภาพ การนำเสนอเป็นสินค้าไทย ที่มีโลโก้ คำว่า “เมดอินไทยแลนด์” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มลูกค้า และเป็นจุดแข็งที่สำคัญในตลาด พร้อมกันนี้ ต้องมุ่งรักษามาตรฐานการผลิตสินค้าที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าระยะยาวต่อแบรนด์ และเลือกซื้อสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
รวมถึงต้องมีพาร์ทเนอร์และเครือข่ายที่ดีในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการทำตลาดสินค้าระยะยาว
หากสำรวจกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางและความงามที่มาแรงในยุคนี้ ยังเป็นกลุ่มที่เน้นการต่อต้านริ้วรอย หรือ แอนไทเอจจิ้ง โดยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีการขยายตัวสูงมาโดยตลอด ต่อมาตลาดเครื่องสำอางในกลุ่มที่มีการดูแลสุขภาพไปด้วย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องดูแลสุขภาพเป็นลำดับต้นๆ เช่นกัน ทั้งสวย ดูดี และสุขภาพผิวดีไปพร้อมกัน
อีกตลาดที่น่าจับตามองและเป็นโอกาสสำคัญกับ ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม กำลังมาแรงมาก เนื่องจากปัญหาเส้นผมกลายเป็นปัญหาหลักของผู้คนในปัจจุบันไปแล้ว เป็นไปตามวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เริ่มเห็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและลดการหลุดร่วงของเส้นผมออกมาทำตลาดมากขึ้น
ประเมินว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางในปี 2566 จะขยายตัวได้ 9.46% จากปีก่อน ที่ตลาดมีมูลค่ารวมประมาณ 2.60 แสนล้านบาท ขยายตัว 9.2% ซึ่งพบว่าภาพรวมผู้ประกอบการในตลาดจะมีทั้งคำสั่งผลิตเพิ่มมากขึ้นและบางแห่งมีคำสั่งผลิตสินค้าที่ลดลง อยู่ที่ภาพรวมตลาดและสินค้าที่ผลิต
อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ประเทศไทยได้มีรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาร่วมบริหารและขับเคลื่อนประเทศ รวมถึงวางนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหากทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ตามแผนสามารถดึงดูดกำลังซื้อ และขยายตลาดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศ ประเมินว่า ตลาดรวมมีโอกาสกลับมาขยายตัวมากกว่า 10% ในปี 2567 ได้อย่างแน่นอน
“สิ่งที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาเร่งดำเนินการนโยบายขับเคลื่อนต่อจากนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อทำให้ทุกกลุ่มในประเทศมีกำลังซื้อกลับมา พร้อมกับวางนโยบายเพื่อทำให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนไปได้ต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงควรร่วมสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมไปพร้อมกัน รวมถึงในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก”
ปัจจุบันภาพรวมเครื่องสำอางและการดูแลผิว มีการผลิตอยู่ในอันดับ 19 ของโลก ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตหลักของเครื่องสำอางในภูมิภาคอาเซียน