“บอร์ดสิ่งแวดล้อม”หนุน“เอสเอ็มอี”ร่วมลดก๊าซเรือนกระจก

“บอร์ดสิ่งแวดล้อม”หนุน“เอสเอ็มอี”ร่วมลดก๊าซเรือนกระจก

บอร์ดสิ่งแวดล้อม ถกรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จับมือเยอรมนี เท 150 ล้านหนุนโรงแรม-เอสเอ็มอี อุตฯเหล็กปรับตัวรับผลกระทบภูมิอากาศเปลี่ยน ด้านบอร์ดป่าชุมชน หารือกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชนมีผลบังคับใช้แล้ว 23 ฉบับ จากทั้งหมด 29 ฉบับ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า  ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.หลักการสัญญารับเงินอุดหนุน (Grant Agreement) ภายใต้โครงการ Thai – German Cooperation on Energy, Mobility, and Climate (TGC EMC) จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน 234ล้านบาท โดยเป็นเงินอุดหนุนเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม 150 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ให้กับภาคธุรกิจโรงแรมที่พัก ธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม และอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และการปรับตัวและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

(Adaptation) ให้แล้วเสร็จภายในปี 2570

2.โครงการพัฒนาต้นแบบชุมชนคาร์บอนต่ำ เพื่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับพื้นที่ด้วยภาคประชาชน เป็นต้นแบบขยายผลและสร้างการรับรู้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศมุ่งเป้าการมีส่วนรวมเครือข่ายภาคประชาชนลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

3. มาตรการควบคุมและกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมที่รับดำเนินการของเสียอันตรายและโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาสังคม จากข่าวการรั่วไหลของสารแคดเมียม เมื่อช่วงเม.ย. 2567

4. มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ประกอบด้วย มาตรการจัดการไฟในพื้นที่เกษตร การควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง การจัดการหมอกควันข้ามแดน รวมถึงกลไกในการบริหารจัดการในการตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค และศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ระดับจังหวัด

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 5 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อรองรับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว 2. โครงการอ่างเก็บน้ำแม่สกึ๋น 2 อำเภอสอง จังหวัดแพร่ 3. โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (งามวงศ์วาน - พระราม 9) 4. โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด และ 5. โครงการทางหลวงหมายเลข 118 ตอน บ.แม่เจดีย์ - อ.แม่สรวย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานระหว่างประเทศ และบรรเทาปัญหาการจราจรให้กับประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่และเชียงราย

 ในส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) ครั้งที่ 1/2567  ว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วจำนวน 23 ฉบับ จากทั้งหมด 29 ฉบับ และได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด จำนวน 27 จังหวัด รวม 299 คน 

พร้อมทั้งพิจารณาออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งเป็นอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ และการใช้ประโยชน์จากไม้ในป่าชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ

ทั้งนี้หลังจากที่อนุบัญญัติเหล่านี้ได้ประกาศใช้แล้ว จะทำให้ชุมชนสามารถนำพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในพื้นที่อื่นของรัฐมาจัดตั้งเป็นป่าชุมชนได้ และสามารถร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนได้ตามที่กฎหมายป่าชุมชนกำหนด อันจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้ครัวเรือน ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยใช้ฐานทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นและจะเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทย

นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนและสมาชิกป่าชุมชน จะสามารถขอใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าชุมชน ภายใต้หลักเกณฑ์ข้อตกลงซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด