ไทยเบฟปรับโครงสร้างครั้งใหญ่นำร่อง'โออิชิ'

ไทยเบฟปรับโครงสร้างครั้งใหญ่นำร่อง'โออิชิ'

"ไทยเบฟ"ปรับทัพธุรกิจครั้งใหญ่ รองรับความร่วมมือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์-นอนแอลกอฮอล์ กับ เอฟแอนด์เอ็น ประเดิมโออิชิ

หลังจากเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานทีซีซีกรุ๊ป ทุ่มเงินกว่า 3 แสนล้านบาท ซื้อกิจการบริษัทเฟรเซอร์แอนด์นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผ่านบริษัทในเครืออย่างไทยเบฟเวอเรจ และ ทีซีซี แอสเซตส์

ล่าสุด ไทยเบฟ ได้ทยอยปรับโครงสร้างการบริหารบริษัทในกลุ่ม 4 บริษัท ได้แก่ โออิชิ กรุ๊ป, เสริมสุข, เอฟแอนด์เอ็น และ อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด (IBHL) รองรับการขับเคลื่อนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และนอนแอลกอฮอล์ ก้าวสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาค นำร่องด้วยบริษัทโออิชิกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือระหว่างโออิชิ กับเอฟแอนด์เอ็น ในการนำชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ ไปทำตลาดในมาเลเซีย ผ่านเครือข่ายการค้าของเอฟแอนด์เอ็น

โยก แมทธิว จ่อนั่งบริหารเอฟแอนด์เอ็น

นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) โออิชิ ได้อนุมัติการลาออกของเขา จากกรรมการผู้จัดการบริษัทโออิชิ แต่เขายังคงนั่งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร และยังคงมีบทบาทขับเคลื่อนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และนอนแอลกอฮอล์ภายใต้บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด เพื่อขยายตลาดการค้าสู่เวทีระดับภูมิภาค และระดับโลก

ส่วนตำแหน่งที่ว่างลง ไทยเบฟ ในฐานะบริษัทแม่ ได้โยกให้ นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารการตลาด บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และรองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด มาดูแลแทน จะมีผลวันที่ 1 ส.ค.นี้

การปรับโครงสร้างการบริหารงานครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจเครื่องดื่มของ ไทยเบฟ ให้ขึ้นสู่การเป็นผู้นำตลาดในระดับอาเซียน และขยับสู่ตลาดโลก

อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์กันว่า นายแมทธิว จะเข้าไปนั่งในบอร์ดบริหารของเอฟแอนด์เอ็น หลังจากก่อนหน้านี้ ไทยเบฟ ได้ส่งให้คนนั่งเป็นคณะกรรมการ (บอร์ดบริหาร) ครบทั้ง 15 คนแล้ว แต่ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพิ่งลาออก ทำให้ตำแหน่งในบอร์ดว่างลง จึงต้องเตรียมหาผู้บริหารคนใหม่มานั่งแทน

"โครงสร้างการบริหารของเอฟแอนด์เอ็นยังไม่มีการแจ้ง เรื่องนี้ต้องรอคุณฐาปน สิริวัฒนภักดี (กรรมการผู้อำนวยการการไทยเบฟ) เป็นผู้ประกาศก่อน แต่เมื่อไทยเบฟเทคโอเวอร์เอฟแอนด์เอ็น ก็ต้องปรับโครงสร้าง แต่เริ่มที่โออิชิก่อน เพราะว่าโออิชิใหญ่ในตลาดเมืองไทย และทำได้ง่ายที่สุด โดยคุณมารุตจะมาดูโออิชิแทนผม และด้วยไทยเบฟมีบริษัทในเครือรวม 5 บริษัท ดูแลทั้งนอนแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ เราคงต้องทยอยปรับโครงสร้างเพิ่มเติมอีก"

นายแมทธิว บอกว่า การดำเนินธุรกิจของโออิชิยังเดินตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ คือการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ การควบรวมกิจการกับเอฟแอนด์เอ็นในการใช้เป็นฐานรุกตลาดอาเซียน การขยายธุรกิจอาหารที่ยังมองหาโอกาสทั้งการซื้อกิจการ ส่วนการร่วมทุนกับบริษัทอื่นในประเทศเพื่อนบ้าน ยังเดินหน้าต่อเพื่อให้เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม รอเพียงจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม

"การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนที่รุนแรง วิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจของโออิชิ ยังคงเดินหน้าต่อเช่นเดิม ทั้งการมุ่งสู่เป้าหมายยอดขาย 3.1 หมื่นล้านบาท ปี 2559 ยังต้องไปให้ถึงและเราจะขยายตลาดออกไปทั้งธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม สแน็ก และอาหารแช่แข็ง สู่ตลาดระดับภูมิภาค การขยายธุรกิจร้านอาหารในประเทศให้ครบ 275 สาขา จากปัจจุบัน 203 สาขา และรักษาการเป็นผู้นำตลาดชาเขียวด้วยส่วนแบ่งที่ 42% การที่เราจะออกสู่ตลาดโลกได้ต้องแข็งแกร่งในไทยและอาเซียนก่อน"

รื้อโครงสร้างบริหารควบปรับพอร์ตสินค้า

เขากล่าวว่า การปรับโครงสร้างบริหารครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการควบคู่กับการปรับพอร์ตสินค้าหลังจาก ไทยเบฟ ได้ดึงเอฟแอนด์เอ็นมาอยู่ใต้อาณาจักร แต่การจะปรับสินค้าใดไปอยู่บริษัทไหน จะมีความร่วมมือกันอย่างไร คงต้องใช้เวลาคาดว่าภายในเดือนก.ค. นี้ น่าจะได้เห็นโครงสร้างและการบริหารใหม่ที่ชัดเจน

"การปรับโครงสร้างการบริหารต้องใช้เวลา เรามีบริษัทในเครือถึง 5 บริษัท ทั้งไทยเบฟ โออิชิ เสริมสุข เอฟแอนด์เอ็น ที่มีฐานธุรกิจทั้งในมาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึง IBHL เมื่อเร็วนี้ก็เพิ่งปรับพอร์ตสินค้า เพื่อนำชาเขียวไปขายในมาเลเซีย แต่การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะค่อยๆ ทำคงไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้" นายแมทธิว กล่าว
ไม่หวั่นประมือ "ตัน"

ด้าน นายมารุต กล่าวว่า ไม่หนักใจในการคุมทัพธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเครื่องดื่มชาเขียว เชื่อว่าทีมงานได้วางรากฐานธุรกิจมาแข็งแรงแล้ว อีกทั้งโออิชิ มีจุดแข็งเรื่องของแบรนด์สินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งวัยรุ่น กลุ่มคนเมือง

การขับเคลื่อนธุรกิจบริษัทยังสามารถสร้างความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจอื่นในเครือ ทั้ง ไทยเบฟ มีจุดแข็งเรื่องช่องทางจำหน่ายสินค้าครอบคลุมตลาดทั่วประเทศ เสริมสุขมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าโดยตรงมากที่สุดในประเทศถึง 2 แสนราย เอฟแอนด์เอ็น ยังเป็นเครือข่ายในการทำตลาดในระดับภูมิภาคให้กับโออิชิได้

"ไม่หนักใจที่เข้ามาเป็นตัวแทนบริหารโออิชิ เพราะคอนเทนท์ของโออิชิถือว่าแข็งแรงมากส่วนกลยุทธ์ในช่วง 5 ปี เราจะสานต่อ ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ๆก็จะได้เห็น เราต้องวางแผนเพิ่ม เบื้องต้นคงต้องมีการซินเนอร์ยีทั้งเครือเชื่อมโยงกัน เราจะทำธุรกิจคู่ขนานกับสินค้าของเอฟแอนด์เอ็น ทำให้เร็วขึ้นมั่นคงไม่ฉาบฉวย" นายมารุต กล่าว

โหมลงทุนบุกหนักตลาดอาเซียน-โลก

นายแมทธิว กล่าวว่า บริษัทวางแผนรุกธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในไทย อาเซียน และระดับโลก ล่าสุด บอร์ดบริหารโออิชิ อนุมัติงบลงทุน 1,150 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักร เพิ่มกำลังการผลิตชาเขียวอีก 15 ล้านขวดต่อเดือน ปัจจุบันอยู่ที่ 60 ล้านขวดต่อเดือน เดินหน้าสร้างครัวกลางแห่งใหม่รองรับการขยายสาขาร้านอาหารญี่ปุ่น หลังลงทุนไป 570 ล้านบาท และปีนี้บริษัทยังใช้งบลงทุนอีก 500 ล้านบาท เพื่อขยายร้านอาหารญี่ปุ่น 50 สาขา จะลงทุนต่อเนื่องถึงปี 2559 ให้มีร้านอาหารเกิน 300 สาขา

ขณะเดียว บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาการขยายธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ชาบูชิ และนิกุยะ เจาะตลาดประเทศเพื่อนบ้านด้วย มีโอกาสและศักยภาพทางการตลาดสูงไม่ว่าจะเป็นพม่า มาเลเซีย เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง แต่ยังไม่มีแหล่งหรือร้านอาหารรองรับความต้องการของผู้บริโภค เบื้องต้นจะเปิด 1-2 สาขา

ขณะที่ IBHL จะเน้นตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์มากขึ้น หลังจากปี 2555 บริษัทเพิ่งเริ่มรุกตลาดยุโรปและสหรัฐ โดยบรรจุภัณฑ์สินค้ามีการพิมพ์ภาษาต่างประเทศ 7 ภาษา ในอนาคตนอนแอลกอฮอล์จะต้องมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันยอดขายหลักเกือบ 100% มาจากแอลกอฮอล์ โดยบริษัทมีความพร้อมทั้งด้านทีมงานในต่างประเทศ 850 คน มีสำนักงานและฐานการผลิตรวม 8 แห่งในจีน สกอตแลนด์

ส่วน IBHL ต้องปรับเป้ายอดขายกันใหม่ เพราะว่าเดิมตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2557 แต่พอ เอฟแอนด์เอ็น เข้ามาอยู่ในพอร์ตเกินแล้ว ซึ่ง IBHL เป็นคนซื้อเอฟแอนด์เอ็น ต้องมาจัดทัพกันใหม่ ทั้งหมดจะผลักดันให้ ไทยเบฟ เป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มแบบครบวงจร และเป็นผู้นำระดับภูมิภาคภายใน 3 ปี