พาณิชย์ เร่งกระจายหน้ากากอนามัย ตั้งเป้าเดือนก.พ.กระจายทั่วประเทศ 10 ล้านชิ้น

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้เร่งระดมคนจากทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ช่วยบรรจุหน้ากากอนามัยใส่ถุงจำนวนถุงละ 4 ชิ้น ราคาชิ้นละ 2.50 บาท หรือราคารวม 10 บาท เพื่อนำไปกระจายให้ถึงมือประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด โดยขณะนี้ได้เพิ่มการกระจายผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น มินิ บิ๊กซี โลตัส เอ็กซ์เพรส รวมแล้วกว่า 1 หมื่นสาขาทั่วประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เปิดจำหน่ายที่กระทรวงพาณิชย์ทุกวัน และกระจายร้านธงฟ้าในจังหวัดต่างๆ ประมาณ 1,198 แห่ง ซึ่งจะทำให้ประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ง่ายขึ้น

“ตั้งเป้าว่าสัปดาห์นี้ จะเร่งกระจายหน้ากากอนามัยผ่านช่องทางที่ว่ามาให้ได้ 1 ล้านชิ้น ตอนนี้ก็เร่งบรรจุอยู่ โดยระดมคนจากทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วย เพราะกรมฯ ต้องการให้ประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามัยได้โดยง่าย และในราคาไม่แพง โดยให้สังเกตที่หน้าถุงจะมีการแสตมป์ตราของร้านธงฟ้า ขายถุงละ 10 บาท ในถุงมี 4 ชิ้น แต่จะจำกัดการซื้อคนละ 1 ถุง เพื่อให้ทุกคนหาซื้อได้”นายวิชัยกล่าว

นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับปริมาณหน้ากากอนามัย มีทิศทางดีขึ้นมาก หลังจากที่มาตรการทางกฎหมายได้บังคับใช้ ทั้งการกำหนดให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแจ้งปริมาณสต๊อก การห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย และการขอปันส่วนหน้ากากอนามัย ทำให้ปัจจุบันในระบบมีผู้แจ้งสต๊อกเข้ามารวมประมาณ 30 ล้านชิ้น และมีหน้ากากอนามัยถูกส่งเข้ามายังศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยวันละประมาณ 5 แสนชิ้น ซึ่งได้กระจายผ่านองค์การเภสัชกรรม สมาคมร้านขายยา การบินไทย จำหน่ายที่กระทรวงพาณิชย์ และร้านธงฟ้า โดยได้เพิ่มช่องทางผ่านร้านสะดวกซื้อเข้ามาอีก และจะเน้นช่องทางนี้ให้มากขึ้น เพราะเข้าถึงประชาชนได้มาก

ทั้งนี้ ยอดการกระจายล่าสุด ได้จัดสรรให้องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาล จำนวน 3.8 ล้านชิ้น ร้านธงฟ้า 1.4 ล้านชิ้น การบินไทย 2.8 แสนชิ้น สมาคมร้านขายยา 2 แสนชิ้น และคาดว่าทั้งเดือนก.พ.2563 จะกระจายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านชิ้น ส่วนเดือนมี.ค.2563 จะมีหน้ากากอนามัยเข้ามายังศูนย์ฯ ไม่น้อยกว่า 15 ล้านชิ้น ก็จะเร่งกระจายต่อไป

น นายวิชัย กล่าวว่า ในด้านการดำเนินการกับผู้ที่ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร ได้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยมีการจับกุมแล้ว 48 ราย แบ่งเป็นในส่วนกลาง 39 ราย และต่างจังหวัด 9 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มี 30 ราย ที่ได้ส่งดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 29 ในข้อหาค้ากำไรเกินควร มีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังได้มีการจัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนและตรวจสอบเองทุกวันๆ ละ 10 สายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนในต่างจังหวัด พาณิชย์จังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ