BKI คาดการเมืองในปท.ไม่แน่นอน ฉุดหุ้นไทยอีก2-3เดือนแตะระดับ1,200จุด
กรุงเทพประกันภัย คาดความเสี่ยงความไม่แน่นอนการเมืองในประเทศ ฉุดหุ้นไทยอีก2-3เดือนปรับตัวลงที่ระดับ 1,200 จุด เป็นจังหวะทยอยเข้าลงทุนหุ้นเติบโตและฟื้นตัว กลุ่มอาหารและพลังงานด้านธุรกิจ ล่าสุดเตรียมเงินช้อนหุ้น 200-300ล้านบาทแล้ว และสิ้นปีนี้ดัชนีน่าจะกลับมาที่ระดับปัจจุบัน ส่วนงานรับประกันยังคงเป้าเบี้ยรับทั้งปีนี้โต8%
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด(มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี2-3 เดือนข้างหน้า มีโอกาสปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1,200จุด จากปัจจัยเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มดีขึ้น แต่อาจจะมีปัญหาความไม่แน่นอนจากการเมืองภายในประเทศแทนทำให้ธุรกิจการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะจากต่างประเทศขาดความมั่นใจ ดังนั้นการลงทุนต่างชาติอาจต้องรอถึงช่วงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า
อย่างไรก็ตามเรายังคาดหวังว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ยังมีโอกาสขึ้นมาเท่าๆ กับตอนน้ี ที่ระดับ 1,340 จุด ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าระดับปีที่แล้วที่อยู่ราว 1,500 จุดและยังต้องรออีกประมาณ2ปีข้างหน้า ดัชนีตลาดหุ้นไทยคงจะกลับมาขึ้นมาที่ระดับ1,900จุดได้
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ นายชัย กล่าวด้วยว่า บริษัทเตรียมเงินเข้าซื้อหุ้น 200-300 ล้านบาท หาจังหวะเข้าไปหาซื้อหุ้นที่มีโอกาสเติบโต และได้รับผลกระทบน้อยสุด คือ กลุ่มอาหาร รวมถึงกลุ่มพลังงานราคาน้ำน่าจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นได้
ส่วนหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะท่องเที่ยว และโรงแรม ยังต้องหลีกเลี่ยงและกลุ่มธนาคารยังต้องดูความไม่แน่นอนว่าหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามต้องจับตามองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้เร็วมากน้อยแต่ไหน
“ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมานี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมามาก แต่พอร์ตลงทุนของบริษัทยังกำไรอยู่ แม้ว่าช่วงดัชนีตกลงไปที่ระดับต่ำกว่า 1,000 จุด ยังไม่ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติม โดยปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ 1,320-1,340จุด มองว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะลดลง เพราะมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 การเปิดประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก และธุรกิจทั่วไปเช่น การท่องเที่ยวยังต้องใช้เวลาเพื่อการฟื้นตัว ประเมินว่าอาจใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี เศรษฐกิจจึงจะกลับมาฟื้นตัว”
ด้านนายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรวม 6,136.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% โดยมีกำรไสุทธิ 668.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้สุทธิจากการลงทุน 459.7 ล้านบาท ดังนั้นใน ปี 2563 ทางบริษัทคงเป้าหมายเบี้ยประกันภัยไว้ที่ 22,800 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน