Rebound ระยะสั้น
ดัชนีวานนี้ปิดร่วงแรงกว่า 21.44 จุด โดยเป็นแรง Panic Sell ในช่วงบ่าย หลังจาก รพ.รามาฯ แจ้งว่าพบคนไทย 2 ราย ติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างเข้ามารักษาอาการป่วยในโรงพยาบาล
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,308.67 จุด (-21.44 จุด) Volume 5.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ -4,026.40 ลบ. TFEX Net -9,158 สัญญา ตราสารหนี้ -1,220 ลบ.
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 85.19 จุด -0.31% จากรายงานการประชุมของเฟดบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่กังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ศก.เผชิญกับความเสี่ยงสูง และมาตรการเยียวยาศก.ยังออกไม่ได้
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4 เซนต์ ปิดที่ 42.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาด
+ ศูนย์บริหารเศรษฐกิจประชุมนัดแรก มีมติผลักดันมาตรการเร่งด่วนกระตุ้นท่องเที่ยว การใช้จ่าย การจ้างงาน และการ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME
-ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ 2 รายที่เคยกักตัว
-กนง.มองเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นหลังคลายล็อกดาวน์ แต่คาดใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีในการกลับสู่ระดับเดิมและต้องระวังความเสี่ยงจากการระบาดระลอกสอง
-ปัจจัยการเมืองมีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากการชุมนุมทางการเมือง
-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลดลง 42.96 จุด -1.24%
+ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 59.53 จุด +0.26%
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.38 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.28 บาท/US
*จับตา ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนส.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาส Rebound ระยะสั้น หลังผู้ติดเชื้อรายที่ 1 พบเพียงซากเชื้อ ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค ส่วนรายที่ 2 ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในปริมาณน้อย ไม่มีอาการป่วยใดๆ โดยต้องทำการสังเกตอย่างใกล้ชิด ขณะที่ปัจจัยกดดันยังอยู่ที่เด็นการเมืองในประเทศ และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,295-1,320 จุด
หุ้นรายงานพิเศษ
CPN Conference Call (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 57.28 )
- ผู้บริหารเปิดเผยว่าหลังกลับมาเปิดดำเนินการทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ (OR) ปรับดีขึ้นจากที่เหลือ 20-30% ในช่วง lockdown ปรับดีขึ้นเป็น 60-80% ในเดือนมิ.ย. และมากกว่า 85% ตั้งแต่เดือนก.ค. และส่วนลดค่าเช่าลดน้อยลง จากที่ยกเว้นค่าเช่าในช่วง lockdown ลด 30% ในเดือนมิ.ย. และลด 25% ตั้งแต่เดือนก.ค.
- มีการปรับแผนลงทุนใหม่โดยลดลงกว่า 50% จากเดิม 2.23 หมื่นล้านบาทเหลือ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของโครงการศูนย์การค้งแห่งใหม่และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยยังคงเป้างบประมาณลงทุน 2.3 – 2.6 หมื่นล้านบาทระหว่างปี 2564 – 2567
- เป้าการดำเนินงานทั้งปีที่ปรับใหม่เทียบกับเป้าเดิม รายได้รวมลดลง 20-25% เฉพาะรายได้ค่าเช่าซึ่งมีสัดส่วน 86% ของรายได้รวม ลดลง 20 – 25% รายได้อสังหาฯ ซึ่งมีสัดส่วน 9% ของรายได้รวม ลดลง 30-35%
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวที่ยังแข็งแกร่งจากการเติบโตของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่าภายใต้การบริหารจัดการและโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับ synergy จากการควบรวมกับ GLAND คาดผลการดำเนินงาน 2Q63 จะเป็นจุดต่ำสุดรายไตรมาสของปีนี้ โดยคาดจะเห็นผลการดำเนินงานทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ราคาหุ้นล่าสุด -27%YTD โดยซื้อขายที่ PE ระดับ 18 เท่าแม้สูงกว่า PE กลุ่มที่ระดับ 14 เท่าแต่ยังต่ำกว่า PE ตลาดที่ระดับ 22 เท่า เป็นโอกาสดีในการทยอยสะสม
กลยุทธ์การลงทุน
- ความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ในไทย ( MAKRO BJC APCO MEGA IP MGT)
- หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
- หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังธปท.ห้ามมือถือ 'รุ่นเก่า' ใช้โมบายแบงกิ้ง (COM7 SPVI JMART SIS SYNEX)
หุ้นมีข่าว
MONO | Analyst Meeting | Bloomberg Consensus 2 บาท
บริษัทคาดรายได้ในงวด 3Q63 ราว 440 ลบ. -17%YoY +32%QoQ เติบโตจาก U.rate ที่ดีขึ้น จากการปรับปรุงค่าโฆษณาในรูปแบบ Volume discount นอกจากนี้ บริษัทเตรียมให้ดำเนินการธุรกิจใหม่ในช่วง 4Q63 ซึ่งร่วมมือกับ 3BB ในการทำรายการในช่อง 3BBTV ซึ่งมีคอนเทนท์ที่น่าสนใจ อาทิ HBO, BBC ,CNN , มวยปล้ำ WWE และรายการกีฬา extreme โดยบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้เพิ่มเข้ามาปีละ 180 ลบ.
(+) JMART (Bloomberg Consensus 15.00 บาท) ผู้บริหาร JMART มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังพุ่งต่อเนื่อง รับผลประกอบการบริษัทลูกและในเครือทั้ง JMT-SINGER ที่ครึ่งปีหลังจะออกมานิวไฮ เผยกลุ่ม KB Kookmin card ที่เข้ามาซื้อหุ้นเจ ฟินเทค จะปล่อยสินเชื่อมือถือ “ซัมซุง” (SAMSUNG) ที่ขายผ่าน Jaymart mobile ช่วยหนุนยอดขายพุ่ง (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) RATCH (Bloomberg Consensus 74.09 บาท) ส่งกองทุน ABEIF อัดงบลงทุน 4,920 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 45% ในโรงไฟฟ้าถ่านหิน Thang Long ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 620 เมกะวัตต์ พร้อมรับรู้รายได้ทันทีภายในปีนี้(ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) ACE (Bloomberg Consensus - บาท) เผยโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่จ.กระบี่ 5 เมกะวัตต์ ก่อสร้างคืบหน้าตามแผนกว่า 80% มั่นใจ COD ในไตรมาส 1/64 ขณะที่วางเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตให้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 67 จากปัจจุบัน COD แล้ว 239.91 เมกะวัตต์ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) TRUE (Bloomberg Consensus 3.45 บาท) เดินหน้าลงทุนสถานีฐาน “5G SA” และเปิด “5G SA” เต็มรูปแบบในเดือน ต.ค.นี้ คาดลูกค้า 5G พุ่งกว่า 100,000 ราย ภายในกลางปี 64 จากสมาร์ตโฟน 5G ที่จะเข้ามาในตลาดมากขึ้น และราคาถูกลง (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) EKH (Bloomberg Consensus 5.12 บาท) ฉายแววผลงานไตรมาส 3/2563 โดดเด่น หลังยอดผู้ป่วยทยอยฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อัตราการใช้พื้นที่เตียงเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 60% ขณะที่ศูนย์ IVF คาดยอดเข้ารับปรึกษาฟื้นตัวปี 2564 ย้ำฐานลูกค้าจีนยังแน่น เดินหน้าก่อสร้างโครงการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ยืดอกรับวิกฤติไวรัสโควิด-19 กดดันรายได้ปี 2563 อาจหดตัวกว่าปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) GGC (Bloomberg Consensus 10.49 บาท) มองทิศทางครึ่งปีหลัง 2563 แนวโน้มเป็นบวก หวังมาตรการภาครัฐหนุนการท่องเที่ยว ดันปริมาณการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้น ด้านแฟตตี้แอลกอฮอล์คาดราคากลับมาดีกว่าที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ต้องเกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ย้อนรอยรอบ 2 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) VCOM (Bloomberg Consensus - บาท) จ่อบุ๊กกำไรจากการลงทุน Mintel เข้าพอร์ตทันทีช่วงครึ่งปีหลัง หลังบอร์ดไฟเขียวถือหุ้น 22% เดินเกมปั๊มมาร์จิ้น สร้างธุรกิจบริการครบวงจร พร้อมส่งสัญญาณความต้องการระบบซีเคียวริตี้สูง ร่อนเอกสารประมูลงานใหม่ 500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)