SCM ราคา IPO 1.90 บาท

SCM ราคา IPO 1.90 บาท

SUCCESSMORE ธุรกิจ MLM หนึ่งเดียวในตลาด

บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) (SCM) และกลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจแบบเครือข่ายขายตรง (MLM) ธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมนา และธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และโรงงานผลิตสินค้า  บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้เพื่อนำไปขยายสาขาและปรับปรุงสาขาที่เช่าอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน  ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ราว 2.60 บาทสำหรับปี 2563

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

  • ผู้ประกอบธุรกิจเครือข่ายรายเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ :  บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2555 เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง (Multi-level Marketing : MLM) ผ่านนักธุรกิจขายตรง และผ่านตัวแทนจำหน่ายสินค้าใน 6 ประเทศได้แก่ เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ ปี 2562 มีสัดส่วนรายได้ขายผ่านนักธุรกิจ  7% ของรายได้รวม  และขายผ่านตัวแทนจำหน่าย 3.2% ของรายได้รวม ที่เหลือเป็นรายได้อื่นและรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก เช่น รายได้ค่าบำรุงสมาชิกที่เก็บจากนักธุรกิจ รายได้ค่าลิขสิทธิ์จากตัวแทนจำหน่ายสินค้า รายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก กลุ่มบริษัทประกอบด้วยบริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ แล็บบอราทอรี่ จำกัด (SML) ถือหุ้นทางตรง 100% บริษัท ซัคเซส สปิริต จำกัด (SPT) ถือหุ้นทางตรง 100% ซึ่งถือหุ้น 100% ในบริษัท เอสซีเอ็ม สปิริต (เมียนมา) (SPM) และในปี 2563 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด (SMI) สัดส่วน 55% ต้นปี 2563 กลุ่มผลิตภัณฑ์มี 6 กลุ่ม ได้แก่ อาหารเสริม เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว สินค้าใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
  • ธุรกิจขายตรง MLM มีภาวะการแข่งขันสูงแต่มีโอกาสดี : ธุรกิจขายตรง MLM มีผู้ประกอบการรายใหญ่ประมาณ 5-6 รายที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40% เป็นคู่แข่งทางตรง ได้แก่ แอมเวย์ กิฟฟารีน ยูนิซิติ นูสกิน และยังมีผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆอีก ส่งผลให้ผู้ประกอบการแต่ละรายรวมทั้งบริษัทเองต้องวางแผนการจ่ายผลตอบแทนให้นักธุรกิจของตนเองอย่างเหมาะสม รวมทั้งจัดกิจกรรมสัมนาเพื่อสนับสนุนการขายและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่มีโอกาสดีจากธุรกิจขายตรงเป็นอาชีพเสริมสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
  • กำไรสุทธิปี 2562 ลดลง 16%YoY : ปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,055 ล้านบาท ลดลง 21%YoY เนื่องจากนักธุรกิจสมัครใหม่มีจำนวนน้อยกว่านักธุรกิจที่ไม่ต่ออายุ และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 59 ล้านบาท ลดลง 16%YoY โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นรวม 75.9% เพิ่มขึ้นจาก 71.9% และมีอัตรากำไรสุทธิ 5.4% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 4.96% ในปี 2561
  • คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% ระหว่างปี 2561 – 2563 : ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2563 ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมสัมนาให้ความรู้แก่นักธุรกิจได้ ฝ่ายวิจัยประมาณการรายได้จากการขายและให้บริการราว 884 ล้านบาท ลดลง 16%YoY และคาดกำไรสุทธิราว 78 ล้านบาท พลิกเพิ่มขึ้น 32% YoY  โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ลดเหลือ 72.8% และอัตรากำไรสุทธิปรับดีขึ้นเป็น 9.2% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง ส่งผลให้อัตราเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2561 – 2563 เท่ากับ 5%
  • การประเมินมูลค่าหุ้น : ในการประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี PER โดยใช้ Prospect PER ที่ระดับ 20  เท่าซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ระดับ 24 เท่า  และจากการประเมินกำไรต่อหุ้นแบบ Fully diluted อยู่ที่ราวราว 0.13 บาทต่อหุ้น ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 2.60 บาท

ปัจจัยเสี่ยง

  1. ประเทศเมียนมาร์มีความไม่แน่นอนของกฏหมายที่ห้ามประกอบธุรกิจเครือข่ายขายตรง
  2. การกระจุกตัวของรายได้อยู่ที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Nutrinal
  3. การไม่ได้ต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินของสำนักงานและสาขาของบริษัท
  4. ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจชะลอตัว
  5. การมีคู่แข่งที่ทำธุรกิจ MLM รายใหม่