EGCO - ซื้อ (13 ส.ค.64)

Event

กำไรจากธุรกิจหลักของ EGCO ใน 2Q64 อยู่ที่ 2,944 ล้านบาท (+11.9% YoY, +27.4% QoQ) ดีกว่าประมาณการของเรา 12.5% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นสูงเกินคาดที่ 27.7% (+1% YoY and +4.9% QoQ) จากที่เราคาดเอาไว้ที่ 24% เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผน นอกจากโครงการ NT2 ใน 2Q64 นอกจากนี้ บริษัทยังบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้อีก 1,433 ล้านบาท ดังนั้น กำไรสุทธิใน 2Q64 จึงอยู่ที่ 1,510 ล้านบาท (-70.2% YoY, +158% QoQ) โดยกำไรจากธุรกิจหลักในงวด 1H64 อยู่ที่ 5,255 ล้านบาท (+6.2% YoY) คิดเป็น 62.5% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

Impact

กำไรใน 2Q64 เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

กำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจาก i) กระแสน้ำในโครงการ XPCL อยู่ในระดับสูง ii) SBPL เดินเครื่องเต็มกำลังเนื่องจากไม่มีปัญหา slagging และ iii) ขายไฟฟ้าที่ Paju ได้มากขึ้น ส่วนกำไรจากธุรกิจหลักที่เพิ่มขึ้น QoQ เป็นเพราะ i) กระแสน้ำในโครงการ XPCL อยู่ในระดับสูง ii) KEGCO กลับมาเปิดดำเนินการเต็มที่อีกครั้ง (มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนนาน 43 วันใน 1Q64) และ iii) ยอดขายไฟฟ้าของโครงการ SBPL และ Quezon เพิ่มขึ้น

คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q64 จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ EGCO ใน 3Q64 จะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจาก i) รายได้ equity income จาก XPCL และ NT2 เพิ่มขึ้นในช่วง peak ตามฤดูกาล นอกจากนี้ โครงการ NT2 ยังมีกำหนดปิดซ่อมบำรุงใน 2Q64 นานกว่า และกลับมาเปิดดำเนินการใหม่ใน 3Q64 ซึ่งน้ำที่เก็บกักเอาไว้ในเขื่อนน่าจะมี
ระดับสูง และจะมีการปล่อยน้ำอย่างเต็มที่ใน 3Q64 และ ii) จะรับรู้ส่วนแบ่งรายได้ equity income จาก Linden อย่างเต็มที่ใน 3Q64

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 308 บาท ถึงแม้ว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q64 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่ใน 4Q64 บริษัทยังมีแผนจะปิดซ่อมบำรุงโครงการ QPL (10 วัน), BLCP (Unit 1: 40 วัน และ Unit 2: 22 วัน), GPG (Unit 1: 11 วัน และ Unit 2: 37 วัน) และ SBPL (30 วัน) ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปีนี้เอาไว้เท่าเดิม

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, ความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่, ภาวะภัยแล้ง