ด่านนอก ร้าง! หนุนเปิด ‘แซนด์บ็อกซ์’ ฟื้นธุรกิจ
ผู้ประกอบการพื้นที่ด่านนอก เมืองท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซีย ชงรัฐใช้โมเดลแซนด์บ็อกซ์ต้นเดือนพฤษจิกายนนี้ หวังกอบกู้ธุรกิจหลังได้รับผลกระทบโควิดเกือบ 2 ปี จนแทบกลายเป็นเมืองร้าง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานเกือบ 2 ปีจากโควิด 19 ทำให้ บรรยากาศเมืองที่เคยเต็มไปด้วยแสงสี อย่างบ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา เงียบเหงาซบเซา ยิ่งด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย คือด่านไทยจังโหลนถูกปิดเพราะโควิด ทำให้ร้านอาหารหลายร้านปิดให้บริการ ส่วนร้านที่ยังเปิดก็แทบไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ ส่วนตลาดร้านค้าต่างๆก็มีผู้คนบางตา ทำให้ด่านนอกทั้งเมืองแทบกลายเป็นเมืองร้าง ไม่มีนักท่องเที่ยวแม้แต่คนไทยที่เคยแห่มากันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องราตรี
บรรดาร้านค้าที่อยู่หน้าด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ปิดกิจการเกือบทั้งหมดเพราะไม่มีลูกค้า เพราะทั้งมาเลเซียและไทยปิดประเทศห้ามเข้าออก ทำให้โรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องปิดกิจการทั้งหมด รวมทั้งร้านคาราโอเกะหรือสถานบันเทิงต่างๆ บ้านด่านนอกที่เคยเต็มไปด้วยสีสันยามค่ำคืนจึงแทบไม่มีผู้คน เพราะเศรษฐกิจเมืองนี้ 90% พึ่งพานักท่องเที่ยว
หนึ่งในผู้ประกอบการพื้นที่บ้านด่านนอก สุวิทย์ แก้วห่อทอง บอกว่า โครงการด่านนอกแซนด์บ็อกซ์มีความเป็นไปได้สูง เพราะเป็นเมืองเล็ก ควบคุมง่าย มีทางเข้าเมืองด่านเดียว ซึ่งต้องเปิดได้แล้วเพราะถ้าไม่เปิดประเทศ ทั้งไทยและมาเลเซียก็อยู่ไม่ได้ การค้าขายชายแดนพังพินาศ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมารายได้เป็นศูนย์ ธนาคารก็ไม่ได้พักดอกเบี้ยไม่ได้พักหนี้ ผู้ประกอบการต้องหาทางช่วยเหลือตัวเอง จึงต้องกลับมาเข้าสู่ระบบเพื่อหาเงินมาชำระหนี้
หากรัฐบาลสนับสนุนโครงการด่านนอกแซนด์บ็อกซ์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวของการเปิดประเทศ คาดว่าในช่วงเวลานั้นประชาชนในพื้นที่จะได้รับวัคซีนครบ 100% ขณะที่มาเลเซียน่าจะได้รับวัคซีนเกิน 70% ผู้ประกอบการอยากให้เป็นเรื่องของการค้าชายแดนก่อนจะไปเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งขึ้นอยู่กับภาครัฐว่าสุดท้ายจะตัดสินใจอย่างไร