บลจ.ประสานเสียง ลงทุนหุ้นยั่งยืนได้ผลตอบแทนชนะตลาด
"กองทุน" ประสานเสียงลงทุนหุ้นยั่งยืนคะแนน ESG เด่น ให้ผลตอบแทนชนะตลาด “บลจ.ไทยพาณิชย์” ยกกองทุนหุ้นธรรมาภิบาลไทยผลตอบแทนชนะดัชนีหุ้นใหญ่ SET50 มากกว่า 11%“บลจ.กรุงศรี” ชูผลตอบแทนมากกว่า 20% ในช่วงปีที่ผ่านมา เหตุธุรกิจมีความเสี่ยงต่ำ-ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาลงทุน
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เปิดเผยว่า กองทุนที่มีนโยบายลงทุนคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด เช่น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นธรรมาภิบาลไทย (SCBTHAICG) ที่ให้ผลตอบแทนชนะดัชนี SET มากกว่า 2.49% รวมถึงให้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนี SET50 กว่า 11% และ SET100 กว่า 9%
สวนทางกับความเชื่อในอดีตที่ว่ากองทุน ESG เป็นบวกต่อโลกเท่านั้น แต่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เพราะเดิมกองทุน ESG มีหุ้นที่สามารถลงทุนได้ในจำนวนจำกัด เพราะการนำข้อกำหนดเกี่ยวกับ ESG มาใช้ส่งผลให้กองทุนต้องตัดบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ไม่เข้าเกณฑ์ออกไป อย่างไรก็ดี จากการนำเครื่องมือวิเคราะห์การลงทุนที่เหมาะสมเข้ามาใช้ในปัจจุบัน ส่งผลให้กองทุนสามารถคัดเลือกกลุ่มหุ้นที่มีคุณภาพและบริษัทที่คำนึงถึง ESG ได้ดีมากขึ้น
“จากผลที่ได้ทำให้ บลจ.ไทยพาณิชย์ เชื่อว่าการนำ ESG มาเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน แม้ไซส์กอง SCBTHAICG จะไม่ใหญ่มากเพียง 300-400 ล้านบาท แต่เราเชื่อว่าพอร์ตลงทุนดังกล่าวจะเป็นพอร์ตลงทุนแห่งอนาคต และเชื่อว่านักลงทุนสถาบันจะเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และพัฒนาเครื่องมือในการลงทุนด้าน ESG มากขึ้น”
นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า จากความเชื่อที่ว่าการลงทุนด้าน ESG เป็นบวกต่อโลก แต่เป็นผลลบต่อผลตอบแทนในพอร์ตลงทุนนั้น บลจ.กรุงศรี ไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะมองว่าการลงทุนที่เน้นความยั่งยืนและ ESG จะนำมาซึ่งการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนแก่เงินลงทุนของผู้ถือหน่วย เพราะบริษัทที่ให้ความสำคัญด้าน ESG จะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้ในระยะยาว สะท้อนจากผลการศึกษาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าการลงทุนที่นำ ESG เข้ามาร่วมพิจารณาจะส่งผลบวกต่อผลตอบแทน
เพราะบริษัทที่มีนโยบาย ESG ที่ดีมักมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง และมีความเสี่ยงในระยะยาวที่ต่ำ เช่น โอกาสถูกฟ้องร้องต่ำ ปัญหาคอร์รัปชันต่ำ มีความได้เปรียบในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีต้นทุนของเงินทุนที่ต่ำกว่าบริษัทที่ไม่ให้ความสำคัญด้าน ESG นอกจากนี้ กองทุนขนาดใหญ่ของโลกต่างนำประเด็น ESG มาใช้ในการพิจารณาการลงทุนอย่างเข้มงวด ส่งผลให้บริษัทที่มี ESG ที่ดีสามารถเข้าไปอยู่ในวงลงทุน (Investment Universe) ของกองทุนต่างประเทศ
อีกทั้งยังได้มูลค่าที่สูงกว่าพื้นฐาน (Valuation Premium) ส่งผลให้กระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาในกองทุน เช่น กองทุน AB Sustainable Global Thematic ซึ่งเป็นกองทุนหลัก (Master Fund) ของกองทุนเปิดกรุงศรี Equity Sustainable Global Growth (KFESG) สามารถสร้างผลตอบแทน 20-23% ต่อปี รวมถึงกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นธรรมาภิบาลไทย (KFTHAICG) ที่เน้นการลงทุนหุ้นที่มีธรรมาภิบาลที่ดี สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 20% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มากกว่าตลาด