ทูตพาณิชย์ รัสเซีย-เอกชน จับตาสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน หวังยุติโดยเร็ว

ทูตพาณิชย์ รัสเซีย-เอกชน จับตาสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน  หวังยุติโดยเร็ว

ทูตพาณิชย์รัสเซีย ประเมินหากรัสเซีย-ยูเครน ทำสงคราม ชาติตะวันตกอาจใช้มาตรการการเงินแซงชั่นรัสเซีย กระทบส่งออกไทย แน่ ด้านหอการค้าไทย หวั่น ราคาน้ำมันพุ่ง กระทบต้นทุนผลิตสินค้า รัฐแบกรับภาระไม่ไหว หวังนั่งโต๊ะเปิดเจรจายุติปัญหาโดยเร็ว

นายกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อรัสเซียของชาติมหาอำนาจตะวันตก โดยการสกัดเงินรูเบิลของรัสเซีย ไม่ให้มีการแลกเปลี่ยนได้โดยเสรี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศที่ค้าขายกับรัสเซียไม่เฉพาะประเทศไทย เพราะรัสเซียจะไม่สามารถชำระสินค้าด้วยเงินดอลลาร์หรือยูโรได้ เช่นเดียวกับประเทศอิหร่าน ตรงนี้จะกระทบต่อการส่งออกไทยไปยังรัสเซียแน่

ส่วนมาตรการอื่นๆคือการสกัดไม่ให้รัสเซียเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยห้ามไม่ให้ประเทศส่งสินค้าด้านเทคโนโลยีไปยังรัสเซีย เช่น โทรศัพท์มือถือ ชิป  เซมิคอนดักเตอร์ รวมทั้งการกดดันการส่งออกของรัสเซียโดยเฉพาะอาวุธและพลังงาน ที่ถือเป็นรายได้หลักของรัสเซีย แต่ส่วนนี้ไม่น่าจะกระทบต่อไทย

 

สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ การแลกเปลี่ยนเงินที่เป็นสกุลหลักในการซื้อขายสินค้า ทำให้ไทยไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียได้เพราะรัสเซียไม่สามารถชำระเงินได้ วันนี้ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  หากว่าเกิดการปะทะกันจริงทางชาติตะวันตกจะใช้มาตรการแซงชั่นระดับไหน รวมทั้งมาตรการทางการเมืองระหว่างประเทศที่จะใช้บังคับกับรัสเซีย“

สถานการณ์ ณ วันนี้ที่รัสเซีย โดยเฉพาะกรุงมอสโก ยังคงเป็นปกติ แม้ว่ารัสเซียจะส่งทหารไปประชิดชายแดนยูเครน แต่ข่าวที่ออกไปดูน่ากลัว ทั้งการถอนนักการทูต อพยพประชาชนของตนเองของจากประเทศ อย่างไรก็ตามก็มีแนวโน้มที่จะมีการเจรจากันเพื่อยุติความขัดแย้งได้

สำหรับมูลค่าการส่งออกไปยังรัสเซียปี 64 มีมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 41%   เมื่อเทียบกับปี 63 ที่มีมูลค่าเพียง 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลกระทบของโควิด -19  ปี 65 คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวประมาณ  7-8 % ภายใต้สมมติฐานที่ไม่มีสงคราม หากเกิดขึ้นก็จะไม่สามารถส่งออกสินค้าไปรัสเซียได้ ปัจจุบันการส่งออกสินค้าไทยยังคงมีปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าขนส่งที่มีราคาแพงยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในเรื่องของเงินเฟ้อก็สูงขึ้นประมาณ 8 % จากปกติเพียง 2-3 % เท่านั้น

ส่วนสินค้าหลักที่ส่งออกไปยังรัสเซีย คือ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นสินค้าหลัก มีสัดส่วน 31 % ของการส่งออกทั้งหมดของ ไทยไปยังรัสเซีย  ตามมาด้วย ผลิตภัณฑ์ยาง  เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ผลไม้กระป๋องและแปรรูป  เม็ดพลาสติก  เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อากาศยากน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ยางพารา แผงสวิทช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ  

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาหอการค้าไทย  กล่าวว่า  ภาคเอกชนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้า แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการลดภาษีดีเซล 3 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ก็อาจทำให้รัฐบาลไม่สามารถแบกภาระต่อไปได้อีก อย่างไรก็ตามยังคิดในแง่ดีว่า ทั้งรัสเซียและยูเครนน่าจะหาวิธีการลดความตึงเครียดนี้ได้โดยการเจรจาระหว่างกัน โดยขณะนี้ก็มีการเล่นสงครามด้านจิตวิทยาเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองเพื่อประโยชน์ของตนเองก่อนที่จะเจรจากัน 

ในส่วนของไทยเองก็ต้องจับตามองว่า จะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังรัสเซียมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผู้ส่งออกหวังปีนี้ตลาดรัสเซียจะเป็นตลาดสำคัญของไทยที่จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกได้มากขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายแต่เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป ว่าจะยุติได้เร็วหรือไม่หากยุติเร็วก็ส่งผลดีต่อการส่งออกไทย