จับตา “สุพัฒนพงษ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ออกมาตรการช่วยผู้ใช้ “เบนซิน-แอลพีจี”
จับตา “สุพัฒนพงษ์” นั่งหัวโต๊ะ ออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้น้ำมัน “เบนซิน” พร้อมหาแหล่งเงินอุดหนุนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเติมเงินเข้าระบบอีก 55 บาท ช่วยผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม “แอลพีจี”
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (22 ก.พ.2565 ) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะมีการหารือเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบจากความเดือดร้อนในราคาน้ำมันเบนซินที่มีราคาสูงกว่าผู้ใช้น้ำมันดีเซล ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 3 เดือน เมื่อวันที่ 15 กุมพาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ได้ชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง โดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ในช่วงค่ำวันที่ 17 ก.พ.2565 ว่า ภายหลังรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 3 บาทต่อลิตร และตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จึงนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1 บาท และช่วงพยุงราคาดีเซลขายปลีก 2 บาท ถึงวันที่ 31พ.ค.2565 และจะเตรียมออกมาตรการบรรเทากลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาคาดว่า จะออกมารูปแบบไหน และจะออกมาตรการมาเร็วๆ นี้ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ควบคู่ครอบคลุมราว 40 ล้านคนทั่วประเทศ ให้ที่ได้รับการดูแลลดค่าใช้จ่ายสินค้าอุปโภค บริโภค และกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยกระทรวงพลังงานได้ช่วยเหลือด้านพลังงานตั้งแต่ปี 2563-2565 แล้วกว่า 1.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน 2.7 หมื่นล้านบาท น้ำมันดีเซล 3.3 หมื่นล้านบาท ค่าไฟฟ้า และก๊าซเอ็นจีวี ให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม
รายงานข่าวระบุว่า ที่ประชุมกบง.จะหารือเกี่ยวกับมาตรการโดยแฉพาะจะให้ใครเป็นผู้นำเสนอของบประมาณจากสำนักงบประมาณ เพื่อทำเรื่องของเงินสนับสนุนราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนที่ตรึงราคา 318 บาทต่อถัง ต่อ 15 กิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนจนถึงวันที่ 31 มี.ค.2565 และอาจจะขึ้นราคาตามแผนคือ ขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม ทุกไตรมาสหรือปรับขึ้นเป็น 333 บาทต่อถังขนาด 15 กก. ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาในช่วงนั้น
ดังนั้น กระทรวงฯ จะต้องหาแหล่งเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็น 100 บาทต่อคนเป็นเวลา 3 เดือน จากเงินช่วยเหลือปัจจุบันที่ 45 บาท ส่วนอีก 55 บาท