JMT ผลประกอบการ 4Q64 & 2564 : ดีเกินคาด (25 ก.พ. 65)
กำไรสุทธิของ JMT ใน 4Q64 อยู่ที่ 477 ล้านบาท (+36% QoQ, +44% YoY) ดีกว่าประมาณการของเรา 17% เนื่องจากมีการกลับรายการ LLP เป็นรายได้ ทั้งนี้ กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (+34%)
รายได้เพิ่มขึ้น 11% QoQ และ 19% YoY ใน 4Q64 และเพิ่มขึ้น 14% ในปี 2564
รายได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (90% ของรายได้) ยังคงแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น 12% QoQ และ 18% YoY ใน 4Q64 และ เพิ่มขึ้น 54% ในปี 2564 อย่างไรก็ตาม รายได้จากบริการเก็บเงินสดแผ่วลงโดยเพิ่มขึ้น 11% QoQ แต่ลดลง 11% YoY ใน 4Q64 และลดลง 17% ในปี 2564 เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้สถาบันการเงินผ่อนผันการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ประสบปัญหา ในขณะเดียวกัน GPM ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 71% ใน 4Q64 และปี 2564 จาก 67.6% ในปี 2563
เข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 1.5 พันล้านบาทใน 4Q64 และ 8.7 พันล้านบาทในปี 2564
จากนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้สถาบันการเงินยอมให้ลูกหนี้ที่มีปัญหาพักชำระหนี้ในช่วง 3Q64-4Q64 ทำให้กิจกรรมการเปิดประมูลสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมีไม่มาก และมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพขายในตลาดน้อยลง โดย JMT ได้เข้าไปซื้อสินทรัพย์ 1.5 พันล้านบาทใน 4Q64 และ 8.7 พันล้านบาทในปี 2564 (จากสินเชื่อปลอดหลักประกัน 60%, สินเชื่อมีหลักประกัน 40%) โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อใน 3Q64 (3.8 พันล้านบาท)
สัดส่วน D/E ลดลงเหลือ 0.5x
หลังจากบริษัทเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว และได้เม็ดเงินใหม่เข้ามา 1.2 หมื่นล้านบาท (รวมการแปลง warrant) ในธ.ค.64 ทำให้สัดส่วน D/E ลดลงไปอีกเหลือเพียง 0.5x (จาก 1.0x ใน 3Q64) ทั้งนี้ หลังจากที่เข้าไปซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใน 4Q64 แล้ว บริษัทยังมีเงินสดในมือเหลืออีกถึงกว่า 8 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้อีก 1.5 หมื่นล้านบาท/2 หมื่นล้านบาท ในปี 2565/2566
Valuation & Action
JMT กำลังเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อตั้งบริษัทร่วมทุน (JV AMC) ใหม่ในการจัดการหนี้เสียเพื่อสร้างและเพิ่มช่องทางการหารายได้จากค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ และการแบ่งปันผลกำไรจากการบริหารหนี้ร่วมกับธนาคาร ซึ่งธุรกิจนี้จะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี upside เพิ่มอีก ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 77 บาท (P/E ที่ 50x)