เน้นที่คนแล้วผลจะเกิดกับธุรกิจ | เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว
ช่วงสามสี่ปีมานี้ การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมืองกลายเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อการทำธุรกิจ จนกลายเป็นเรื่องให้ต้องไล่พนักงานออกเพราะเอาเรื่องการเมืองมาปนกับเรื่องการทำธุรกิจ
ธุรกิจไหนที่เปิดตัวชัดเจนว่าสนับสนุนแนวคิดทางการเมืองแบบใดแบบหนึ่ง หรือสนับสนุกพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นพิเศษก็จะโดนฝ่ายที่ไม่ชอบใจพาทัวร์ไปลง จนกลายเป็นเรื่องกันเสมอ
สมัยนี้ การรับคนเข้าไปทำงานในยุคนี้ โดยเฉพาะคนที่ต้องทำหน้าที่สื่อสารกับลูกค้าจึงควรเช็คประวัติกันให้ดี ไม่อย่างงั้น ขืนรับเข้ามาทำงานด้วย ภาพลักษณ์ที่เพียรพยายามสร้างมาก็อาจพังเอาง่าย ๆ
ด้วยเหตุผลแบบนี้แหละที่ทำให้ การสร้างคน กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ไม่ใช่เฉพาะตัวสินค้า ในภาคบริการก็เช่นกัน โอกาสจะรุ่งหรือจะร่วงก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนที่เราคัดเข้ามาทำงาน
สมมติว่าเราวางแผนจะพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัด เลยคนหาข้อมูลออนไลน์ จนหาที่ถูกใจได้สามสี่แห่ง สวยงามน่าอยู่พอกัน การเดินทางสะดวก ราคาก็พอรับได้ไม่ถึงกับขนหน้าแข้งร่วง
ลองโทรไปสอบถามและขอจองห้องพักบางแห่งพนักงานก็พูดคุยดี บางแห่งก็โดนพนักงานฟาดใส่ เลยมีการตัดตัวเลือกจนได้ข้อสรุปเลือกเอารีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งพนักงานเขาพูดคุยดี เต็มใจตอบคำถาม สามารถให้รายละเอียดเรื่องต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
ในวันจริง พอเดินทางไปถึง พนักงานต้อนรับเห็นเข้าก็กุลีกุจอวิ่งมาช่วยเปิดประตูรถ แล้วก็ขนของอย่างขมีขมัน แต่ขาดความสังเกต เอากระเป๋าใบใหญ่ที่หนักแสนหนักวางซ้อนไว้บนกระเป๋าใบเล็กจนแบนแต๋ หลังเข้าห้องพักเรียบร้อยเปิดออกมาดูพบว่าของในกระเป๋าใบน้อยเสียหายไปหลายอย่าง
ด้วยความเจ็บใจ คุณได้โทรลงไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ไม่กี่อึดใจผู้จัดการก็วิ่งโร่ขึ้นมาขอโทษขอโพยและชดใช้ค่าเสียหายให้ตามสมควร แถมยังให้ส่วนลดค่าห้องพักเพิ่มอีกนิดหน่อย คุณก็เลยอารมณ์เย็นลงมาได้บ้าง
ตกกลางคืน คุณและครอบครัวลงไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารของรีสอร์ท อาหารราคาไม่แพง อร่อย พนักงานให้บริการอย่างรวดเร็ว พูดจนสุภาพจนคุณอดใจไม่ได้ต้องควักเงินทิปให้ตอนเช็คบิล
ด้วยความที่ทุกคนหิวกันจนไส้กิ่ว ตอนสั่งอาหารก็สั่งเอาสั่งเอาไม่ได้คิดว่าจะกินหมดหรือเปล่า พออิ่มแล้วถึงได้รู้ว่ามีกับข้าวเหลืออยู่เกือบครึ่ง เลยสั่งให้พนักงานเอาอาหารเหล่านี้ใส่กล่องกลับไปด้วย กะว่าจะเอาไปอุ่นเป็นอาหารเช้า แต่พบว่าอาหารที่ใส่กล่องดูเละเทะไม่น่ากิน
ช่วงสายวันต่อมาพนักงานเข้ามาทำความสะอาดห้อง พูดจาดี ยิ้มแย้ม แต่งตัวเรียบร้อย ไม่ไปยุ่มย่ามกับของใช้ส่วนตัวของเรา ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวก็ทำความสะอาดห้องเสร็จ แถมยังเอาเงินที่ทำตกไว้มาคืนให้กับอีกด้วย
ถ้ากลับมาถึงบ้านแล้วอยากเขียนรีวิวประสบการณ์การพักว่ารู้สึกอย่างไรกับการพักผ่อนคราวนี้ เนื้อหาน่าจะออกมาในทำนองที่ว่า “ก็ดีนะ...แต่....”
เจ้าคำว่า “แต่” คำนี้แหละที่สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในความรู้สึกของลูกค้า เพราะสินค้าในธุรกิจบริการนั้นคือการให้ความสุข ความสะดวก และความสบายใจกับลูกค้า คนไปเที่ยวย่อมต้องการพักผ่อน ปลอดจากปัญหาเรื่องจุกจิกกวนใจ
คนเข้าร้านตัดผมก็ต้องการช่างตัดผมฝีมือดี รู้จักพูดคุย สามารถให้คำแนะนำได้ มีเวลาไปสปาทั้งที ถ้ายังต้องเสียเวลาทะเลาะกับพนักงานต้อนรับอีก วันหลังคงไม่มีใครไปใช้บริการอีกแน่
ในธุรกิจบริการนั้น การตกแต่ง อุปกรณ์ สามารถเลียนแบบหรือหาของดีพอกันมาทดแทนกันได้ การจะสร้างธุรกิจของเราให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของลูกค้าจึงขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้เพียงสามส่วน อีกเจ็ดส่วนขึ้นอยู่กับพนักงานของเราเองว่าจะทำให้ลูกค้าพอใจได้มากน้อยแค่ไหน
การจะทำให้พนักงานสามารถบริการลูกค้าให้ได้ดี ต้องอาศัยการฝึกฝนพนักงานให้เก่ง รู้จักสังเกต มีทัศนคติที่ดี ควบคู่ไปกับการให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม มีบรรยายในการทำงานที่เป็นมืออาชีพ เพื่อหล่อหลอมพวกเขาให้สามารถทำงานบริการได้ตามความคาดหวังของลูกค้า
ถ้าเป็นไปได้เจ้าของเองควรจะออกมาช่วยต้อนรับขับสู้ลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะเจ้าของก็เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจด้วย การที่เจ้าของออกมาต้อนรับขับสู้ด้วยตัวเอง ช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านของเราได้ง่ายขึ้น แถมยังสร้างความเชื่อมั่นของคุณภาพการให้บริการให้กับลูกค้าอีกด้วย
เกิดมีอะไรฉุกเฉินก็สามารถตัดสินใจได้ทันท่วงที หากลูกค้าประทับใจก็จะกลับมาอีก แบบนี้ได้ผลกว่าการเอาเงินไปซื้อโฆษณาแต่ไม่ได้พัฒนาคุณค่าของการให้บริการ
ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น บางทีคนนี่แหละคือทางออกของการอยู่รอดที่คุ้มค่าที่สุด