เปิดแผน 'เล้งเส็งกรุ๊ป' รับมือวิกฤติกำลังซื้อต่างจังหวัดซบเซา

เปิดแผน 'เล้งเส็งกรุ๊ป' รับมือวิกฤติกำลังซื้อต่างจังหวัดซบเซา

ชี้ตลาดค้าปลีกโลคอลแข่งขันหนัก รายใหญ่รุกขยายสาขา 'เล้งเส็ง กรุ๊ป' จังหวัดสกลนคร เร่งปรับแผนดึงเทคโนโลยี เสริมแกร่งธุรกิจ

ประเมินภาพรวมธุรกิจค้าปลีกไทยต่างจังหวัดในปี 2567 เป็นปีที่เผชิญความท้าทายรอบด้านจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าในต่างจังหวัด ต้องเร่งปรับแผนธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น และวางกลยุทธ์ครั้งสำคัญ เพื่อให้รับมือกับการแข่งขันในสมรภูมิค้าปลีกไทยกว่า 4 ล้านล้านบาท ที่ยังคงทวีความรุนแรง

เล้งเส็ง กรุ๊ป ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่ในจังหวัดสกลนคร ที่ ดำเนินธุรกิจมากว่า 60 ปีแล้ว และมีพนักงานมากกว่า 500 คน โดยสามารถสร้างธุรกิจสู่ค้าปลีกรายใหญ่ในจังหวัด ที่มีฐานลูกค้ามากมาย พร้อมดำเนินการปรับแผนธุรกิจในช่วงที่มีค้าปลีกรายใหญ่เข้ามาในตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันมีรุ่นสามเข้ามาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ

 

 

ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกของเล้งเส็งกรุ๊ป

  • ซูเปอร์มาร์เก็ต “เล้งเส็ง” จำนวน 1 แห่ง
  • ร้านโชห่วย “ แอลเอส ทเวนทีวัน” (LS21) จำนวน 3 สาขา
  • ปัจจุบันสามารถครอบคลุมให้บริการแก่ลูกค้าใน 14 จังหวัด พร้อมมีหน่วยรถให้บริการแก่คู่ค้าอย่างใกล้ชิด

สมหวัง เดชศิริอุดม กรรมการผู้จัดการ เล้งเส็ง กรุ๊ป ค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่ในจังหวัดสกลนคร ฉายภาพตลาดค้าปลีกในตลาดต่างจังหวัดในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่คึกคัก เนื่องจากภาพรวมกำลังซื้อยังไม่ฟื้นกลับมาและชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยประเมินในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่อง หากไม่มีปัจจัยใหม่ๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงต้องติดตามนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของภาครัฐ หากมีรายละเอียดและเงื่อนไขไม่ชัดเจน อาจไม่ได้มีผลบวกต่อค้าปลีกและกำลังซื้อในต่างจังหวัดมากนัก

 

สินค้าอุปโภคบริโภคในต่างจังหวัดราคายังทรงตัว

หากประเมินภาพรวมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในปีนี้ จากการสำรวจมาตั้งแต่ต้นปี ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ปรับขึ้นราคา เนื่องจากในปี 2566 ที่ผ่านมา แบรนด์สินค้าต่างๆ มีการปรับขึ้นราคาไปแล้วประมาณ 10-30% ตามต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น โดยภายหลังเมื่อปรับราคาสินค้าทำให้กำลังซื้อชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ผลิตสินค้าจึงไม่อยากปรับขึ้นราคาสินค้าในปีนี้ เพราะมีความกังวลว่าจะกระทบให้ยอดขายชะลอตัวไปได้

อีกทั้งผู้ประกอบการค้าปลีกในต่างจังหวัดยังเผชิญกับการแข่งขันในตลาดที่มีความรุนแรง จากผู้ประกอบการรายใหญ่รุกขยายสาขาไปในทำเลต่างๆ แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการค้าปลีกในต่างจังหวัดยังสามารถปรับตัวและอยู่รอดในตลาดได้ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาและยกระดับ ร้านค้า บริการต่างๆ มาตลอด รวมถึงมุ่งนำเสนอสินค้าให้สอดรับกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่

“ค้าปลีก-ค้าส่ง ในต่างจังหวัดยังสามารถแข่งขันและอยู่รอดในตลาดได้ต่อไป เนื่องจากมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับรายใหญ่ หากประเมินในช่วงที่ผ่านมา เจ้าของธุรกิจได้มีการปรับธุรกิจมาตลอด ร่วมยกระดับและบริการให้ดีมากขึ้น มีการใช้เทคโนโลยี จึงสามารถสร้างธุรกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดที่มีมากขึ้นในทุกปี โดยเฉพาะในปีนี้ที่ยากมากขึ้น”

สำหรับภาพรวมของ เล้งเส็ง กรุ๊ป ในปี 2567 ได้วางแผนทำธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น ทั้งการให้ความสำคัญกับใช้เทคโนโลยีโดยการนำดาต้า เพื่อเก็บข้อมูลและวางแผนนำเสนอสินค้าให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ พร้อมทำงานอย่างใกล้ชิดกับคู่ค้าและร้านค้าต่างๆ ที่เป็นเครือข่าย เพื่อปรับการนำเสนอสินค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

“ในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนจะลงทุนในด้านสาขาใหม่ แต่มุ่งเน้นการบริหารจัดการระบบภายใน โดยเฉพาะด้านดาต้า เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า”

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า จากการปรับแผนธุรกิจอย่างเข้มข้นและวางแผนอย่างรัดกุมมากขึ้น จะทำให้ในสิ้นปี 2567 สร้างรายได้ยังเติบโต 3-4% ขยายตัวใกล้เคียงกับจีดีพีประเทศไทย โดยในปีก่อนปิดรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท 

รุกจัด “โลคอล โลคอสต์” (Local Low Cost) กระตุ้นค้าปลีกในต่างจังหวัด

นอกจากนี้เล็งเส็งกรุ๊ป ค้าปลีกในจังหวัดสกลนคร ที่มีการปรับแผนธุรกิจแล้ว ผู้ประกอบการค้าปลีกในต่างจังหวัด ที่รวมกลุ่มอยู่ใน สมาคมค้าส่ง – ปลีกไทย ยังได้ผนึกกำลังจัดทำกิจกรรมการตลาดมาต่อเนื่อง เพื่อร่วมกระตุ้นกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ 

ทั้งนี้ในปี 2567 ได้จัดทำโครงการ “โลคอล โลคอสต์” (Local Low Cost) ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยได้ผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตสินค้า ซัพพลายเออร์รายใหญ่ มาร่วมทำโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ เพื่อร่วมทำให้ค้าปลีกในต่างจังหวัดกลับมาคึกคักในช่วงไตรมาสสองของปีนี้