‘ฮ่องกง’รุกเชื่อม ‘ธุรกิจไทย’ เปิดประตูการค้า-การลงทุน

‘ฮ่องกง’รุกเชื่อม ‘ธุรกิจไทย’ เปิดประตูการค้า-การลงทุน

“ฮ่องกง”เป็นสะพานระหว่างจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก ภายหลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และการชุมนุมทางการเมือง ปัจจุบันฮ่องกงกลับมาอยู่ในความสนใจของนักธุรกิจ และนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง พร้อมจะสร้างความร่วมมือทางกับประเทศต่างๆรวมทั้งประเทศไทย

เมื่อวันที่ 13 – 14 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ได้จัดงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong (TBTHK)  ซึ่งเป็นหนึ่งในงานหลักขององค์การฯ รุกเผยศักยภาพของฮ่องกง ในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง และเปิดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการจากทั้งไทยและทั่วโลก โดยการจัดงานจัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยงานนี้ได้รวบรวมผู้ประกอบการธุรกิจฮ่องกงและไทย เพื่อค้นหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ผ่านกิจกรรมในงานได้แก่ งานแสดงสินค้า งานเสวนา และกิจกรรมต่อยอดสร้างเครือข่าย

โดยแคมเปญ “TBTHK” ในกรุงเทพฯ ได้มุ่งเน้นในการแสดงจุดแข็งของฮ่องกง ด้วยโครงการพัฒนาล่าสุดของเมือง โดยเป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางธุรกิจระหว่างประเทศชั้นนำ ที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจไทยขยายตัวในอาเซียน จีน และประเทศอื่น ๆ  โดยภายในงานมี Mr. Algernon Yau รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง พร้อมด้วย Dr. Peter K N Lam ประธานองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง ได้กล่าวเปิดงานในวันแรก โดยมีดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ 


 

‘ฮ่องกง’รุกเชื่อม ‘ธุรกิจไทย’ เปิดประตูการค้า-การลงทุน

ก่อนหน้านี้นาย โรนัลด์ โฮ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกงกล่าวว่าฮ่องกงเป็นภูมิศาสตร์สำคัญของเอเชีย และทำหน้าที่ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ ด้วยข้อได้เปรียบที่เด่นชัดต่างๆ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านระบบกฎหมาย การเงิน การลงทุน และภาษี ช่วยผลิตสินค้าและบริการการค้าคุณภาพสูงและเปี่ยมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจและพัฒนาทางธุรกิจ ที่เชื่อมไปสู่ประเทศจีน ภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ

 

“ฮ่องกงเป็นสะพานระหว่างประเทศจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก โดยมีบทบาทในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับกระแสเงินทุน สินค้า ข้อมูล และผู้คน เป็นสิ่งที่สำคัญเสมอมา แผนพัฒนาต่างๆ  เช่น โครงการ Belt and Road Initiative และเขตเศรษฐกิจ Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area (GBA) แผนพัฒนาเหล่านี้ช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ขยายบทบาทของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า การขนส่ง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม กล่าวได้ว่า ฮ่องกงเป็นพาร์ทเนอร์ในอุดมคติของบริษัทในไทยที่ต้องการค้นหาโอกาสจากเขตเศรษฐกิจพิเศษของฮ่องกงและตลาดนานาชาติ”

นอกจากนั้นในฐานะที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจชั้นนำในเอเชีย ทั้งกรุงเทพฯและฮ่องกงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน ซึ่งเป็นผลจากบทบาทที่สำคัญของไทยในอาเซียนและความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันนี้ 

ฮ่องกงยังเป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศที่โดดเด่นในภูมิภาค ที่มากไปด้วย ประสบการณ์ และเครือข่าย และยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องกงยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นเวทีเชื่อมและส่งเสริมความร่วมมือแบบไตรภาคีระหว่างธุรกิจจากประเทศไทย จีนและฮ่องกง และส่งเสริมความร่วมมือในการค้าสินค้าและบริการ การระดมเงินทุน การค้า และการเปิดตลาดไปสู่สากล

 

‘ฮ่องกง’รุกเชื่อม ‘ธุรกิจไทย’ เปิดประตูการค้า-การลงทุน

สำหรับงานที่เพิ่งจัดขึ้นถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยมองหาโอกาสทางธุรกิจจากผลิตภัณฑ์และบริการไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพ และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์จากผู้จัดแสดงสินค้าจากฮ่องกงจำนวน 120 ราย ที่งาน TBTHK Trade Expo โดยงานแสดงสินค้าครั้งนี้ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการจากหลากหลายภาคส่วนในด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี บ้านและที่อยู่อาศัย ของเล่นและแกดเจ็ต และโซลูชั่นเมืองอัจฉริยะ ซึ่งมากกว่า 80% กำลังจะเปิดตัวในตลาดประเทศไทย

บริษัทชั้นนำจากฮ่องกงที่ได้รับการคัดเลือกมาจัดแสดงภายในงานได้มีการนำผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยั่งยืนและล้ำสมัยมาเสนอ เช่น OmniFoods ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิด plant based รายแรกที่ให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมุ่งไปสู่ความยั่งยืน และ Farm66 ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการเกษตรในการทำฟาร์มในร่ม โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์เชิงนิเวศคุณภาพสูงในโรงงานเกษตรกรรมที่ปรับขนาดได้

และยังประกอบไปด้วยผู้ให้บริการโซลูชันเมืองอัจฉริยะ 7 ราย โดย Smart City Consortium รวมถึงบริษัทฮ่องกง 13 แห่ง ที่นำโดย สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าฮ่องกง ได้มีการจัดแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ


 

นอกจากนี้ในงานแสดงสินค้ายังมีแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชื่อดังอื่น ๆ จากฮ่องกง เช่น

 

● Chow Tai Fook แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำที่มีเครือข่ายค้าปลีกที่กว้างขวางในเอเชีย สหรัฐอเมริกา และแคนาดา

 

● Memorigin แบรนด์นาฬิการุ่น Tourbillon (ตูร์บิยง) ที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง

 

● Camel แบรนด์สินค้าครัวเรือนที่ผลิตกระติกน้ำและแก้วน้ำสุญญากาศ ที่หุ้มฉนวนป้องกันหยดน้ำเกาะรอบแก้วที่สามารถกำหนดขนาดเองได้ตั้งแต่ยุค 1940

 

● DPM แบรนด์ชุดเครื่องนอนเพื่อสุขภาพการนอนที่ดีขึ้นโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีจากการวิจัยและพัฒนากว่า 20 ปี

 

● B.Duck หนึ่งในตัวละครที่เป็นทรัพสินทางปัญญา (IP) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน

 

นอกจากนั้นภายในงาน ยังประกอบไปด้วยกิจกรรมงานเสวนา Trade Talks ซึ่งได้ครอบคลุมใน 4 หัวข้อเด่นด้านการค้าที่อยู่ในเทรนด์ในขณะนี้ ได้แก่ นวัตกรรมเทคโนโลยีของการค้าปลีก การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยการได้รับใบอนุญาต การปรับโฉมอีคอมเมิร์ซและการขนส่งข้ามพรมแดน ตลอดจนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและ ESG โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มค้าปลีก สมาคม และบริษัทด้านนวัตกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น Mr. Anson Bailey หัวหน้าฝ่ายผู้บริโภคและการค้าปลีก ASPAC ของ KPMG Mr. Vincent Cheung ผู้อำนวยการบริหารและผู้จัดการทั่วไป (ใบอนุญาต) บริษัท B.Duck Semk Holdings International Limited Mr. Anavil Paodit ผู้อำนวยการ Medialink Brand Management PTE. LTD Mr. David Yeung ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Green Monday Group และ Mr. Ir Andrew Young รองผู้อำนวยการ (นวัตกรรม) ของ Sino Group และผู้เชี่ยวชาญในวงการอีกมากมาย ที่จะแบ่งปันประสบการณ์ระดับมืออาชีพและข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดกับผู้เข้าร่วมงาน