ส่งออกไทยอ่อนแรง รอแรงหนุนรัฐบาลใหม่
ส่งออกไทยยังหนักเจอปัจจัยเสี่ยงเพียบ จ่อติดลบในรอบ 3 ปี รอรัฐบาลใหม่วางแนวทางขับเคลื่อนส่งออกไทย ดันส่งออกปี 66 ติดลบน้อย
"ส่งออกไทย" ปัจจุบันติดลบต่อเนื่อง จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าของไทย รวมทั้งเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า และปัญหาอื่น แถมยังมีปัญหาใหญ่ตามมา คือ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่จะส่งผลต่อสินค้าเกษตร แม้ว่าการส่งออกไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายประเมินว่าการส่งออกไทยแนวโน้มในระยะถัดไปก็ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าวอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฎการณ์เอลนีโญ ซึ่งนายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า เอลนีโญจะทำให้มีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญลดลง อาทิ ข้าวยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรหดตัว 2.7-10.9%
ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือ การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลังที่ฟื้นตัวช้า กำลังซื้อลดลง อัตราการว่างงานสูงขึ้น การลงทุนจีนลดลง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับการส่งออกไทยไปจีน เพราะไทยพึ่งพาการส่งออกไปจีนมากสุดเป็นสัดส่วน 12 % ของการส่งออกไทยซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ
ประกอบกับสถานการณ์การเมืองไทยที่ยังไม่มีความแน่นอน แม้การเลือกตั้งผ่านมา 2 เดือนแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีและมีรัฐบาลใหม่ได้ โดยภาคเอกชนแสดงความกังวลถึงความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะจะกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ยังต้องการแรงสนับสนุนจากรัฐบาลใหม่ในการที่จะเป็นแรงส่งให้กับการส่งออกไทยเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
“อัทธ์ พิศาลวานิช” ประเมินว่า หากภายในเดือนส.ค.นี้ ได้รัฐบาลใหม่ คาดว่าการส่งออกจะอยู่ที่ -1.2% แต่หากยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ภายในเดือน ส.ค. การส่งออกไทยก็จะหดตัวมากขึ้นไปอยู่ที่ -2.5%
ขณะที่ความเห็นของผู้ส่งออก”ชัยชาญ เจริญสุข”ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) ระบุว่า ไม่ต้องการเห็นสุญญากาศทางการเมือง อยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่เรียบร้อย ไม่เกิดปัญหา และได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ปัจจุบันส่งออกไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกรุมเร้าค่อนข้างมาก จึงไม่อยากให้เกิดปัจจัยเสี่ยงภายในเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
ล่าสุด คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3สถาบัน (กกร.)ประเมินว่า การส่งออกไทยปีนี้จะหดตัวมากขึ้นในกรอบ -2.0% ถึง 0.0% จึงมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลควรเร่งสนับสนุนการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ในประเทศที่ยังขยายตัวได้ เช่น จีน อินเดีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพื่อทดแทนการส่งออกในประเทศหลัก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ควรเร่งผลักดันการเจรจา FTA เพื่อเปิดตลาดใหม่และเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันให้กับผู้ส่งออกไทย
โดยสรุปแล้ว"ภาพรวมการส่งออกไทย"ในครึ่งปีหลังยังคงเผชิญกับความเสี่ยงหนัก ส่งผลโอกาสการส่งออกไทยทั้งปีจะขยายตัวแทบไม่มี สุดท้ายก็ทำให้การส่งออกปีนี้ติดลบ และจะเป็นการติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่หากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็วก็จะสามารถเร่งเครื่องเดินหน้าเศรษฐกิจ พยุงการส่งออกของไทยไม่ให้ติดลบมากไปกว่าที่ประเมินไว้ได้