สรรพากร ให้สิทธิประโยชน์ภาษี หนุนระดมทุนผ่านโทเคนดิจิทัลแตะ 1.85 หมื่นล้าน
สรรพากร ออกมาตรการภาษีส่งเสริมระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล เก็บภาษีอัตรา 15% จากกำไรเป็น Final Tax โดยไม่ต้องยื่นรวมในแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานับตั้งแต่ปีภาษี 67 เป็นต้นไป
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความสำคัญของโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับการระดมทุนของผู้ประกอบธุรกิจในประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล เพื่อการลงทุน (Investment Token) โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในวันนี้ (12 มี.ค.2567)
โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ได้รับเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ตามมาตรา 40(4)(ซ) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้วตามมาตรา 50(2) แห่งประมวลรัษฎากรในอัตรา 15% สามารถเลือกไม่นำเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดนั้นมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้จะไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้คืนหรือไม่ขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไว้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยเริ่มมีผลตั้งแต่เงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการนี้จะทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านการเป็นศูนย์กลางการระดมทุนเพิ่มขึ้น และทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมีทางเลือก ในการระดมทุนด้วย Investment Token เพิ่มเติมจากการระดมทุนด้วยเครื่องมือดั้งเดิม อันจะส่งผลดีต่อการระดมทุน การลงทุน และการจ้างงานในประเทศ รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ
โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีการระดมทุนด้วย Investment Token ถึง 18,500 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวจะเป็นเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป