เศรษฐาชี้ ‘แลนด์บริดจ์’ หนุนไทยเป็นสวิตเซอร์แลนด์เอเชีย ดึงบิ๊กคอร์ปลงทุน
"เศรษฐา" เปิดงาน SUBCON Thailand 2024 ชูจุดแข็งไทยดึงลงทุน ชูจุดยืนเป็นกลาง ไม่เป็นคู่ขัดแย้งบวกโครงการแลนด์บริดจ์ 3 แสนล้านดอลลาร์ คุ้มค่าการลงทุน ทำให้ไทยเป็นสวิตเซอร์แลนด์เอเชีย ดึงบิ๊กคอร์ประดับโลกมาลงทุน สำคัญกว่าซื้อเรือดำน้ำและเครื่องบินรบ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการเป็นประธานในพิธีเปิดงาน SUBCON Thailand 2024 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ว่าประเทศไทยเรามีความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญอย่างรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งต่อยอดจากฐานการผลิตรถยนต์เดิมที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตสำคัญและมีการลงทุนในไทยนับล้านล้านบาท โดยไทยมีการออกแบบสิทธิประโยชน์ที่จะช่วยให้มีการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปมาสู่ EV และมีนโยบาย EV -3.5 ที่จะช่วยให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องทั้งรถ EV และซัพพายเชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเกิดการเชื่อมโยงการผลิตไปยังอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างอิเล็กทรอนิกส์ที่สะสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่องของไทย และบางชิ้นส่วนภาครัฐก็จะช่วยสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาที่ดีของการดึงดูดการลงทุน และมีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนหลายด้าน ได้แก่
1.ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่หลายพื้นที่กำลังเผชิญปัญหาของสงคราม และความขัดแย้ง ทำให้ประเทศที่มีจุดยืนที่เป็นกลาง ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ทำให้ไทยเป็นที่น่าสนใจของบริษัทระดับโลกที่จะเข้ามาลงทุน
ซึ่งเมื่อรวมกับโครงการลงทุนเรื่องแลนด์บริดจ์ ซึ่งโครงการนี้แม้จะลงทุน 300,000 ล้านดอลลาร์ แต่ยังมีความคุ้มค่ามากเพราะถือเป็นทางเลือกในการขนส่งทางการค้าที่สำคัญ ช่วยเสริมฐานการผลิตที่มั่นคงและการลงทุนแลนด์บริดจ์ ช่วยให้การลงทุนในไทยมีความแข็งแกร่งและสนับสนุนฐานะการเป็นกลางของไทยในเวทีโลก ซึ่งถือว่าตอบโจทย์นักลงทุนทั่วโลก
“แลนด์บริดจ์ต้องมองให้ไกล เนื่องจากเรื่องภาษีระหว่างประเทศเปลี่ยนเร็วมากทำให้ วอลลุ่มการขนส่งทางเรือจะเพิ่มอย่างมาก เช่น คลองสุเอชปิดปีก่อนซัพพายเชนชะงักไปทั่วโลก ส่วนช่องแคบมะละกาแน่นมาก มีเรือเข้าคิวเยอะมาก เราได้ยินว่ามีอุบัติเหตุกว่า 60% สินค้าผ่านช่องแคบมะละกา เราเสริมซึ่งกันและกัน เสริมระบบการค้าโลก และทำให้ไทยมั่นคงในเวทีการค้าโลก โครงการนี้ทำให้เราเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียได้ ทำให้การลงทุนในไทยเกิดขึ้นและการผลิตในไทยไม่สะดุด สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ดังนั้นแลนด์บริดจ์จึงสำคัญกว่าซื้อเรือดำน้ำและเครื่องบินรบ”นายกรัฐมนตรี กล่าว
2.ไทยมีมาตรการสนับสนุนพลังงานสะอาดเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนที่สนับสนุนการลงทุนที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด โดยภายในปี 2040 พลังงานสะอาดจะคิดเป็น50% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ ทำให้สามารถสนับสนุน ดาต้าเซนเตอร์ และการใช้ของพลังงานใหญ่ๆ ซึ่งซัพพายเชนจะต้องเอามาใช้ได้ และบริษัทใหญ่ๆต้องสนับสนุนบริษัทเล็กๆให้ใช้พลังงานสะอาดด้วย
3.ในเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือเรื่อง “FTA” รัฐบาลไทยเราสานต่อ และเซ็น MOU กับศรีลังกาแล้ว ซึ่งในระยะต่อไปเราจะเซ็นต่อเนื่องเดินหน้าเต็มรูปแบบกับสหภาพยุโรป (EU) ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเราจะเร่งทั้งตะวันออกกลาง และอังกฤษ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน
4.ประเทศไทยเรามีจุดเด่นเรื่องของคุณภาพชีวิตที่ดี มีรร.นานาชาติ และระบบสุขภาพของเราดีมาก มีโรงพยาบาลชั้นนำ ซึ่งรัฐบาลเร่งทำเรื่องของความยากง่ายในการทำการอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจ eases of doing business และการเปิดการอำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งสินค้า (NSW)
5.รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างการเชื่อมโยงในการผลิตกับซัพพายเชนต่างๆในไทยซึ่งในการเจรจาการค้าต่างๆเราคำนึงถึงซัพพายเชนทั้งหมดของอุตสาหกรรมไทยด้วย โดยเราเจรจาให้ใช้ชิ้นส่วนของคนไทยเข้าไปอยู่ในกระบวนการผลิต มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ให้ผู้ประกอบการไทยเราไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเรื่องงนี้อยู่ในกรอบต่อรองตลอดเวลาในการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและผู้ประกอบการต่างประเทศ
และ 6.ประเทศไทยเรามีโครงสร้างพื้นฐาน ที่ดีมากทั้ง สนามบิน ถนน ระบบราง และท่าเรือ โดยขณะท่าเรือน้ำลึกเราเร่งเฟส 3 ในพื้นที่ EEC ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
ภายหลังพิธีเปิดงานฯ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และกิจกรรมภายในงาน SUBCON Thailand 2024 ณ บริเวณหน้า Hall 103 ชั้น 1 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนาด้วย
สำหรับไฮไลท์ของการจัดงานในปีนี้ คือ กิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการชิ้นส่วนไทยและบริษัทรายใหญ่จากทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 9,000 คู่ คาดว่าจะสร้างมูลค่าเชื่อมโยงกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษ “BOI Symposium: EV Supply Chain” ซึ่งจะมีบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งแผนการจัดซื้อและสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศอีกทั้งภายในงานยังมีการจัดแสดงอุตสาหกรรมสนับสนุนของไทยและภูมิภาคอาเซียน การจัดแสดงชิ้นส่วนของบริษัทผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศที่มีความต้องการจัดซื้อจัดหาจากผู้รับช่วงการผลิต (Buyers’ Village) การแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ (Innovation Showcase) รวมถึงงานสัมมนาเสริมสร้างความรู้และโอกาสในการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ทั้งนี้ BOI Symposium: EV Supply Chain เป็นกิจกรรมสำคัญที่บีโอไอจะนำ 7 ค่ายรถยนต์ EV รายใหญ่ที่ลงทุนในไทยคือ BYD, MG, Great Wall Motor, Neta, Changan, GAC Aion และ Chery มานำเสนอทิศทางของอุตสาหกรรม EV รวมถึงแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ไทย ให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของกลุ่มอุตสาหกรรม EV พร้อมยกระดับให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลกต่อไป