‘คลัง’ เร่งเบิกจ่ายโค้งสุดท้ายงบฯ 67 ดันงบฯลงทุนภาครัฐ เดิมพัน GDP โต 3%

‘คลัง’ เร่งเบิกจ่ายโค้งสุดท้ายงบฯ 67 ดันงบฯลงทุนภาครัฐ เดิมพัน GDP โต 3%

“พิชัย” เร่ง เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนปี 67 แตะเป้า 70% กระตุ้นจีดีพีโตเพิ่มอีก 0.24% หวัง 3 กระทรวงใหญ่ มหาดไทย สาธารณสุข คมนาคม เข็นโครงการลงทุนหมื่นล้านหนุนเศรษฐกิจโตได้ 3%

รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 3% โดยเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ 2567 ที่เหลือเวลา 3-4 เดือน คือการเบิกจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะงบลงทุนฯ ที่มีวงเงินรวมกว่า 8.5 แสนล้านบาท หากสามารถเบิกจ่ายได้ถึง 70% จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวได้อีก 0.24%

การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงการคลังได้มีการเรียกประชุมเพื่อติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ว่าที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั้งยังได้เน้นย้ำถึงการติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณ การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และโครงการใหม่ที่ใช้งบประมาณผ่านเงินกู้

สั่งชี้แจงสาเหตุเบิกจ่ายล่าช้า

โดยที่ประชุมได้หารือร่วมกับ กรมบัญชีกลาง, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สศค.) และกระทรวงที่เกี่ยวข้องกว่า 20 กระทรวง ที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งกรมบัญชีกลางกำหนดไว้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ต้องมีการเบิกจ่ายอยู่ที่ 21% โดยสั่งการให้แต่ละกระทรวงชี้แจงสาเหตุการเบิกจ่ายล่าช้า และให้กำหนดแผนงานคาดว่าจะมีการผูกพันและเบิกจ่ายได้เท่าใด และรายงานกลับมาภายใน 1 สัปดาห์

"ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนในปัจจุบันอยู่ที่ราว 40% ซึ่งหากไม่มีการเร่งรัดก็คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดีหากมีมาตรการเร่งรัดก็จะเป็นข้อดีที่ทำให้มีเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจได้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายว่าอยากให้สามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2567 นี้ให้ได้ไม่น้อยกว่า 70% ในขณะที่ส่วนราชการยังเหลือเวลาทำงานอยู่ 3-4 เดือน”

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาติดขัดที่ส่งผลให้การเบิกจ่ายอาจมีความล่าช้าเช่น การร้องเรียน การอุทธรณ์ผลการจัดซื้อจัดจ้าง จึงได้สั่งการให้กรมบัญชีกลางเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว ให้มีการเดินหน้าการเบิกจ่ายได้ อย่างไรก็ตาม การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ จะต้องยึดหลักความถูกต้อง เหมาะสม และมีความโปร่งใส ชัดเจน เป็นไปตามกฎหมาย

เร่งรัดโครงการขนาดใหญ่เกินหมื่นล้าน

นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า งบลงทุนในปีงบประมาณ 2567 อยู่ที่ 8.5 แสนล้านบาท กรมบัญชีกลางกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 21% แต่ปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้สูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งอยู่ที่ 38.6% โดยเม็ดเงินที่ลงสู่ระบบเศรษฐกิจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เยอะ อย่างไรก็ตาม ยังมีหน่วยงานที่ยังเบิกจ่ายล่าช้าอยู่ ในที่ประชุมก็มีการเร่งรัดในส่วนนี้

ทั้งนี้ การเร่งรัดการเบิกจ่ายขณะนี้จะให้ความสำคัญกับส่วนราชการ และกลุ่มจังหวัดต่างๆ ที่ยังไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนใหญ่กระทรวงที่ยังเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมายมีอยู่ ประมาณ 10 กระทรวง โดยที่ประชุมให้ความสำคัญกับกระทรวงใหญ่ ที่มีโครงการใช้งบประมาณเกิน 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป

“โดยสั่งการให้กระทรวงเหล่านั้นกลับไปทำการบ้าน เพื่อมารายงานกรมบัญชีกลางภายใน 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับกลุ่มจังหวัดทั้งหมด ขอให้กำชับและเร่งรัดการเบิกจ่าย”

ทั้งนี้ กระทรวงที่ยังมีการเบิกจ่ายล่าช้าส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังอยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และยังไม่มีการลงนามสัญญา หรือบางกลุ่มจะมีปัญหาเข้าพื้นที่ไม่ได้ หรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงการที่ขออนุมัติจากสำนักงบประมาณ และส่วนใหญ่ก็ยังมีปัญหาการติดตามผู้ว่าจ้างล่าช้า เป็นต้น ที่ประชุมจึงขอให้กระทรวงเจ้าสังกัดทั้งหลายไปเร่งรัดการเบิกจ่ายหน่วยงานที่กำกับ เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย

สคร.เร่งเบิกจ่ายงบฯรัฐวิสาหกิจ

นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ในปี 2567 รัฐวิสาหกิจมีกรอบงบลงทุน จำนวน 257,455 ล้านบาท และมีผลการเบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนพ.ค. 2567 จำนวน 131,511 ล้านบาท คิดเป็น 51% ของกรอบงบลงทุน ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 38%

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายกระทรวงเจ้าสังกัดกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายที่ระดับไม่ต่ำกว่า 95% รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกระทรวงสำคัญ ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคม ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 3 กระทรวง จะมีผลเบิกจ่ายรวม 88% ของงบลงทุนรัฐวิสาหกิจทั้งหมด