ปลูก‘ทุเรียน’ แทนยางพาราในพื้นที่ไม่เหมาะสม กำไรสุทธิ 9.1 หมื่นบาท/ไร่/ปี
แม้ภาคใต้จะนิยมปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันเป็นหลัก แต่ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ไม่มีความเหมาะสม ไม่คุ้มทุน การปรับเปลี่ยนเพื่อปลูกทุเรียน พืชที่มีโอกาสทางการตลาดสูง คืออีกแนวทางที่จะสร้างรายได้จากพื้นที่เหล่านี้
นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 สงขลา (สศท.9) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map)อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตในพื้นที่เหมาะสมน้อย (S3) หรือไม่เหมาะสม (N)ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปผลิตสินค้าอื่นที่มีศักยภาพ เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สังคม เศรษฐกิจ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากการปรับเปลี่ยนการผลิต
ทั้งนี้ สศท.9 ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาสินค้าทุเรียน ทดแทนการผลิตยางพาราในพื้นที่ไม่เหมาะสมจังหวัดสงขลา ตามโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map)และจัดทำแนวทางพัฒนาสินค้าทุเรียนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกผลิตให้กับเกษตรกรในพื้นที่ จังหวัดสงขลา มีเนื้อที่ยืนต้นยางพารารวม2,158,792ไร่ คิดเป็นร้อยละ 29.07 ของพื้นที่ปลูกภาคใต้ตอนล่าง
โดยในระยะ 5 ปี ที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) พบว่า มีพื้นที่ปลูกยางพาราลดลงร้อยละ 0.84 ต่อปี สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่เกษตรกรปลูกยางพาราในพื้นที่ระดับความเหมาะสมน้อย (S3)และพื้นที่ไม่เหมาะสม (N)รวม563,074.83 ไร่หรือร้อยละ 33.43 ของพื้นที่ปลูกทั้งจังหวัดสงขลา(ข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดิน,2564)
จากการศึกษาของ สศท.9 พบว่าทุเรียนเป็นไม้ผลเศรษฐกิจทางเลือกที่สามารถปลูกทดแทนยางพาราในพื้นที่ระดับความเหมาะสมน้อย (S3)และพื้นที่ไม่เหมาะสม (N)ของจังหวัดสงขลา เนื่องจากทุเรียนเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการและราคาดีมาอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มีนโยบายส่งเสริมและเพิ่มองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้แก่เกษตรกรประกอบกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ เอื้ออำนวยต่อการปลูกทุเรียน
จึงเป็นสิ่งจูงใจให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนโดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566) พบว่า มีเนื้อที่ยืนต้นทุเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.86 ต่อปี ซึ่งในระหว่างปี2564 - 2566มีเกษตรกรเข้ารับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกทุเรียนแทนในพื้นที่ยางพารา รวม2,673.91ไร่ พื้นที่ปรับเปลี่ยนส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอสะเดา อำเภอนาทวี อำเภอคลองหอยโข่ง และอำเภอรัตภูมิ
ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่นิยมปลูกพันธุ์หมอนทองสำหรับต้นทุนการผลิตทุเรียนปีการผลิต 2566 พบว่ามีต้นทุนการผลิตรวม 16,917.98 บาท/ไร่/ปีให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,141.80 กิโลกรัม/ไร่/ปีผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 91,278.99 บาท/ไร่/ปี หรือ 79.94 บาท/กิโลกรัม ซึ่งหากเทียบกับเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N)ตามแผนที่Agri-Mapในปี 2566เกษตรกรได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 1,626.69 บาท/ไร่/ปี