ดีเดย์! พ.ย.67 กองทุนน้ำมันฯ จ่ายหนี้เงินกู้ 1.1 แสนล้านบาท ใน3ปี

ดีเดย์! พ.ย.67 กองทุนน้ำมันฯ จ่ายหนี้เงินกู้ 1.1 แสนล้านบาท ใน3ปี

ดีเดย์! พ.ย. 2567 กองทุนน้ำมันฯ ต้องเริ่มทะยอยจ่ายหนี้เงินกู้จากยอดรวม 1.1 แสนล้านบาท ในเวลา 3 ปี "พลังงาน" เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาทบทวนราคาดีเซล ก่อนมาตรการตรึงราคาไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค. 2567 นี้

KEY

POINTS

  • การจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก็คือ ราคาพลังงานต้องถูก ทั้งไค่าฟฟ้า และน้ำมัน ซึ่งกระทรวงพลังงานก็พยายามตรึงราคาไว้ โดยราคาดีเซลจะต้องตรึงไว้ไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตรจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 
  • เราติดตามราคาพลังงานตลาดโลก ทั้งราคาน้ำมัน ราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติ ส่วนการสำรองน้ำมันก็เป็นไปตามกฏหมายเพียงพออยู่แล้ว จะพยายามดูแลราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน
  • สถานะกองทุนติดลบน้อยลง โดย ณ วันที่ 13 ต.ค.2567 กองทุนติดลบ 95,333 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 47,885 ล้านบาท และ เป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบ 47,448 ล้านบาท

มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จะครบกำหนดวันที่ 31 ต.ค. 2567 นี้ โดยปัจจุบันกระทรวงพลังงาน ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ในการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้ม LPG ภาคครัวเรือน ไม่ให้พุ่งสูงมากจากราคาพลังงานโลก เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันทุกภาคส่วนต้องปรับตัว และไม่ใช่แค่ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัว ภาครัฐเองก็ต้องทำเช่นกัน โดยการปรับตัวไม่ได้แค่ให้สอดคล้องกับแผนพลังงานใหม่เท่านั้น แต่ต้องปรับให้เข้ากับเทรนด์โลกด้วย เพราะทุกภาคมีส่วนในการปล่อยมลภาวะส่งผลต่อภาวะโลกร้อน เห็นได้จากภัยน้ำท่วมในไทย พายุเฮอริเคน ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ

สิ่งที่ต้องทำให้เราปรับตัวเข้ากับเทรนด์โลกคือ การลดคาร์บอนที่เกิดจากภาคพลังงาน เพื่อนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 และ Net Zero 2065 ซึ่งภาคอุตสหากรรมยังต้องใช้พลังงานฟอสซิล เพราะฉะนั้นในแผนพลังงานแห่งชาติ 2024 (National Energy Plan 2024) ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ในปีนี้ ซึ่งรวมทั้ง 5 แผนพลังงาน ไว้ด้วยกัน ประกอบด้วย

1.แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) 2.แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) 3.แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) 4.แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และ 5. แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) จึงวางไว้ให้การผลิตไฟฟ้าที่มาจากเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งไทยเน้นที่พลังงานจากแสงแดด แผน PDP จึงต้องเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมากขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อถามว่ากระทรวงพลังงานจะมีแพ็คเกจอะไรที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่นั้นนั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก็คือ ราคาพลังงานต้องถูก ทั้งไค่าฟฟ้า และน้ำมัน ซึ่งกระทรวงพลังงานก็พยายามตรึงราคาไว้ โดยราคาดีเซลจะต้องตรึงไว้ไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตรจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 นี้แน่นอน โดยในช่วงนี้จะต้องจับตาปัจจัยที่จะเข้ามาหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามตะวันออกกลาง

“เราติดตามราคาพลังงานตลาดโลกตลอด ทั้งราคาน้ำมัน ราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติ ส่วนการสำรองน้ำมันก็เป็นไปตามกฏหมายเพียงพออยู่แล้ว แม้ว่าจะมีภาวะสงครามในตะวันออกกลาง แต่จะพยายามดูแลราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนการหารือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ต้องถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเอง” นายพีระพันธุ์ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากมาตรการล่าสุดจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ก.ค. 2567 เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้คงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2567  โดยราคาดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 32.94 บาท

ล่าสุด ณ วันที่ 17 ต.ค.2567 มีการนำส่งเงินในส่วนของน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันละ 148 ล้านบาท ดีเซลนำส่งเงินเข้ากองทุนวันละ 142 ล้านบาท ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือก๊าซหุงต้มวันละ 2.35 ล้านบาท ทำให้สุทธิกองทุนมีเงินไหลเข้าวันละประมาณ 293 ล้านบาท ส่งผลให้สถานะกองทุนติดลบน้อยลง โดย ณ วันที่ 13 ต.ค.2567 กองทุนติดลบ 95,333 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 47,885 ล้านบาท และ เป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบ 47,448 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นเดือนพ.ย.2567 นี้ กองทุนฯ ต้องเริ่มชำระคืนเงินต้นงวดแรก 100 กว่าล้านบาท จากยอดเงินกู้ก้อนแรก 5,000 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศก่อนหน้านี้ ที่มีกำหนดชำระคืนแล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2567นี้  

โดยหากรวมกับดอกเบี้ยที่ต้องชำระเดือนละประมาณ 250 ล้านบาท รวมกองทุน ต้องหาเงินชำระ ต้องมีเงินในการบริหารจัดการการชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.นี้ รวมประมาณ 400-500 ล้านบาท ส่วนการชำระคืนเงินกู้ที่เหลือจากเงินกู้ทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท จะแบ่งชำระคืนตามสัญญาที่กำหนดไว้

รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาทบทวนราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้ง เนื่องจากจะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ในวันที่ 31 ต.ค. 2567 โดยคาดว่ากระทรวงพลังงานอาจจะเสนอ ครม. พิจารณาในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ต.ค. 2567 นี้

ดังนั้นหาก ครม. ไม่พิจารณาต่ออายุมาตรการตรึงราคาดีเซลที่ 33 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้ราคาดีเซลต้องเป็นไปตามกลไกตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ในอนาคตหากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้นอาจทำให้ราคาดีเซลในไทยสูงเกิน 33 บาทต่อลิตรได้

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานคาดว่าแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้ คือ 1. ครม. ต่ออายุมาตรการตรึงราคาดีเซลที่ 33 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นปี 2567 นี้  2. ครม. ไม่ประกาศตรึงราคาดีเซล แต่กำหนดให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ บริหารจัดการดูแลราคาดีเซลเอง แต่แนะนำว่าไม่ควรให้ราคาจำหน่ายเกิน 33 บาทต่อลิตร หรือ 3. ครม. ปรับลดเพดานราคาดีเซลสูงสุดลงเหลือไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มเห็นว่าราคาดีเซลปัจจุบันแพงเกินไป

"การพิจารณาว่าจะเลือกแนวทางใดนั้น ต้องพิจารณาฐานะเงินกองทุนน้ำมันฯ และการใช้คืนหนี้เงินต้นให้สถาบันการเงินที่จะเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย. 2567 นี้เป็นต้นไปด้วย โดยปัจจุบันราคาน้ำมันโลกปรับลดลง ส่งผลดีต่อกองทุนฯ ให้สามารถเก็บเงินเข้าได้มากขึ้น เพื่อเตรียมชำระหนี้ให้สถาบันการเงิน" แหล่งข่าว กล่าว 

นอกจากนี้ หาก ครม. ปรับลดเพดานราคาดีเซลลงเหลือ 32 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าลดลงจากปัจจุบันเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ อยู่ 1.66 บาทต่อลิตร จะเหลือเพียง 66 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ในปี 2568 จะต้องใช้หนี้ธนาคารเพิ่มขึ้นทุกเดือนจากระดับกว่า 250 ล้านบาท ขึ้นไปถึง 3,000 ล้านบาท ตามภาระการกู้ยืมที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนฯ อาจเหลือเงินไม่เพียงพอชำระหนี้เงินต้นได้