แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติ รุกตลาด"อีคอมเมิร์ซ" เวียดนาม

แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติ รุกตลาด"อีคอมเมิร์ซ" เวียดนาม

"ตลาดอีคอมเมิร์ซ "เวียดนาม เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย ตะวันออก เป็นหนึ่งใน 10 ตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก  เผย แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติโดยเฉพาะจีน ได้รับความนิยมจากชาวเวียดนามสูง ส่งผลให้แพลตฟอร์มในประเทศต้องเผชิญการแข่งขันสูง

KEY

POINTS

Key Point

  •  อีคอมเมิร์ซของเวียดนามเติบโต 25  %
  • แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ของจีน เช่น Taobao, Tmall, Pinduoduo และ JD.com  บุกตลาดอีคอมเมิร์ซ เวียดนาม
  • กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าคาดการณ์ว่า ปี 67 รายได้อีคอมเมิร์ซมีมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น  45 %  

เว็ปไซต์จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  โดยสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.)  ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม รายงานว่า   "อีคอมเมิร์ซ" กําลังกลายเป็นช่องทางการซื้อขายที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในเวียดนาม อย่างไรก็ตามการที่บริษัทยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซระดับนานาชาติ โดยเฉพาะมาจากจีน ที่เข้ามาในตลาดเวียดนามส่งให้เกิดความท้าทายต่อบริษัทต่างๆ ในเวียดนาม ผู้ประกอบการในประเทศไม่เพียงแต่มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดเท่านั้น

แต่ยังเผชิญกับการแข่งขันในแง่ของราคา เทคโนโลยี และการขนส่งการขยายตัวของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ของจีน เช่น Taobao, Tmall, Pinduoduo และ JD.com ที่มีภาษาเวียดนาม แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะครองตลาดเวียดนาม ในช่วงที่ผ่านมา

ผู้บริโภคชาวเวียดนามมีความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มค้าปลีกของจีนมากขึ้น เช่น Taobao, 1688 และ Temu ซึ่งมีการซื้อขายโดยตรง ตัวอย่างเช่น Temu ได้เสนอส่วนลดที่น่าดึงดูด ไม่คิดค่าขนส่ง และแจกรหัสโปรโมชั่นสําหรับผู้ซื้อในเวียดนาม

ในขณะที่ 1688 ได้ปรับการทําธุรกรรมให้เข้ากับลูกค้าชาวเวียดนามให้สามารถซื้อของได้ง่ายขึ้นโดยไม่มีอุปสรรคด้านภาษา การปรับเปลี่ยนของแพลตฟอร์มให้เข้ากับภาคท้องถิ่นทําให้บริษัทจีนมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยผู้ประกอบการในเวียดนามต้องแข่งขันกับคู่แข่งระดับนานาชาติมากขึ้น

ภาค"อีคอมเมิร์ซ"ของเวียดนามเติบโต 25  % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย
ตะวันออกและเป็นหนึ่งใน 10 ตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก

ปัจจุบัน ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเวียดนามมากกว่า 80 % ซื้อของออนไลน์ และอีคอมเมิร์ซยังคงขยายตัวต่อไป โดยดึงดูดทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมรวมถึงธุรกิจส่วนบุคคลศูนย์ข้อมูลอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามภายใต้

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า คาดการณ์ว่า รายได้อีคอมเมิร์ซทั้งหมดจากการขายปลีกสินค้าอาจมีมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น  45 %  ในปี 2567 และคิดเป็นประมาณ 14  % ของยอดขายปลีกทั้งหมดของประเทศ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้ดึงดูดทั้งผู้ประกอบการในประเทศและ ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติ

สคต กรุงฮานอย ให้ความเห็นว่า  ปัจจุบันธุรกิจการค้าออนไลน์ในเวียดนามได้รับความนิยมและมีพัฒนาการในทิศทางที่ดี มีการขยายตัวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่องทางอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเป็นหนึ่งในเทรนด์ทําธุรกิจที่สําคัญสําหรับผู้ประกอบการเวียดนามที่ต้องการเติบโตขยายธุรกิจไปทั่วโลก

อีคอมเมิร์ซมีส่วนช่วยในการลดปัญหาอุปสรรคในกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศทําให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดธุรกิจได้ง่ายขึ้นจึงสร้างแรงจูงใจในการพัฒนากิจกรรมการส่งออกโดยเฉพาะและเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาครัฐเวียดนามมีนโยบายให้ความสําคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเพื่อส่งเสริมการค้าผ่านพรมแดนมากขึ้น

สําหรับผู้ประกอบการในเวียดนาม อีคอมเมิร์ซและการซื้อขายข้ามพรมแดนได้เปิดโอกาสที่มีศักยภาพอย่างมาก การเข้าร่วมอีคอมเมิร์ซระดับโลก เช่น Alibaba, Amazon และ eBay ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก ซึ่งขยายตลาดผู้บริโภคและสร้างรายได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันระหว่างธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศและต่างประเทศคาดว่าจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนมีข้อได้เปรียบมากมาย เช่น ต้นทุนการผลิตต่ำ ข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีด้วยการนํานวัตกรรมต่างๆ เช่น AIและระบบโลจิสติกส์อัตโนมัติมาใช้ ซึ่งทําให้ผู้ประกอบการในเวียดนามต้องปรับกลยุทธ์ด้านราคา เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียลูกค้า

ในขณะที่ผู้ประกอบการระหว่างประเทศสามารถขยายไปทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายพันธมิตร บริษัทต่างๆ ในเวียดนามมักเผชิญกับความท้าทายในการขยายขนาดในระดับภูมิภาคหรือระดับนานาชาติเนื่องจากทรัพยากรที่มีจํากัด

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ธุรกิจในเวียดนามจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นนั้นมีมากมาย โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากช่องทางอีคอมเมิร์ซระดับโลก การมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานโลก การสร้างแบรนด์ระดับสากลและการนําเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ จะช่วยให้ธุรกิจของเวียดนามเอาชนะความท้าทาย และบูรณาการเข้ากับระบบนิเวศโลกได้